“เอเชียกรีน เอนเนอจี”เปิดเกมรุกตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้แตะ9,000 ล้าน ลุยตลาดถ่านหิน“เวียดนาม-จีน-กัมพูชา”พร้อมขยับฐานธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งให้บริการ“ท่าเรือ-คลังสินค้า”ด้วยจำนวนกองเรือ 24 ลำ เล็งขยายท่าเรือ เพิ่มเป็นท่าที่ 3 รองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน)หรือAGEผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด)เปิดเผยถึงแผนเชิงรุกการขยายธุรกิจในปี 2562 ว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก
รวมทั้งการให้บริการท่าเรือและคลังสินค้า เพื่อต่อยอดธุรกิจการนำเข้าและจำหน่ายถ่านหินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแผนการปรับปรุงพื้นที่และพัฒนาท่าเรือเพิ่มเติมเป็นท่าที่ 3 จากเดิมที่มีท่าเรือในการให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 2 ท่า ในบริเวณคลังสินค้า อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
“คาดจะแล้วเสร็จภายในปี2562นี้ ซึ่งหากแล้วเสร็จจะยิ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการขนถ่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น”
นายพนม กล่าวต่อว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทยอยรับมอบเรือลำเลียง ซึ่งมีการต่อเพิ่มเติมในช่วงปีที่ผ่าน โดยจะทำให้มีกองเรือลำเลียงจำนวน 24 ลำในช่วงไตรมาสแรกปีนี้
“ในปีนี้บริษัทมีแผนจะต่อเรือลำเลียงเพิ่มเติมอีกจำนวน 16 ลำ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกองเรือลำเลียงทั้งหมดเป็น 40 ลำ ดังนั้นการเพิ่มจำนวนกองเรือดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของกลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญและยังมีแผนซื้อรถบบรรทุกและกระบะพ่วง เพิ่มเติมจำนวน 7 คันด้วย”
นายพนม กล่าวอีกว่าหลังจากที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในเชิงรุกแล้ว ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมปี 2562 ไว้ที่ระดับ 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นผลจากแผนการวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในธุรกิจมากขึ้น อาทิ การขยายช่องทางการตลาดไปยังต่างประเทศ ทั้ง เวียดนาม จีน และ กัมพูชา รวมถึงการบุกธุรกิจ ไปยัง ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก
รวมทั้งการให้บริการท่าเรือและคลังสินค้า เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วนยอดขาย ในตลาดต่างประเทศ 25% และในประเทศ 65% โดยตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินทั้งปี ที่ระดับ 4 ล้านตัน และตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือและคลังสินค้าที่ 10% ของรายได้รวม
ส่วนผลประกอบการงวดปี 2561สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 7,900.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหิน 7,482.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ 127.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อน 6%
สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทมียอดขายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยยอดขายในประเทศอยู่ที่ 2.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เพิ่มช่องทางขายในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหิน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อยู่ที่ 3.4 ล้านตัน และมีรายได้จากธุรกิจการให้บริการด้าน โลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า ที่ 418.1 ล้านบาท คิดเป็น 5%ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น185%จากปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้น เนื่องจากบริษัทฯจะมีการลงทุนในท่าเรือและเรือลำเลียงเพิ่มเติม และจ่ายเป็นเงินสดงวดปี 2561 โดยจ่ายปันผลเป็นเป็นหุ้นในอัตรา15หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ คิดเป็นมูลค่ารวม 30.22 ล้านบาทและจ่ายเป็นเงินสดในอตัราห้นุละ 0.00190 บาท หรือคิดเป็นจํานวนเงิน 3.45 ล้านบาท ซึ่งรวมการจ่ายเงินปันผล ทั้ง 2 รูปแบบคิดเป็นการจ่ายปันผลทั้งสิ้น 0.01850 บาทต่อหุ้น รวมทั้งสิ้น 33.66 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่14 มีนาคม เพื่อจ่ายปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2562
อีกทั้งคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(Par)ของบริษัทจากเดิมห้นุละ 0.25 บาท เป็น 0.50 บาท ส่งผลให้จํานวนหุ้นสามัญของบริษัทหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าพาร์ใหม่อยู่ที่ระดับ
966,894,874 หุ้น จากเดิม 1,933,789,748 หุ้น โดยจะมีการเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในวันที่ 29 เมษายน นี้
ข่าวเด่น