ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ เปิดแผนธุรกิจปี 2562ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าขายน้ำ120 ลูกบาศก์เมตร ส่วนไฟฟ้ามียอดตามสัดส่วนการถือหุ้น570 MW รวมถึงธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ คาดเสร็จไตรมาส 2 ส่วนโครงการสาธารณูปโภคในเวียดนามคาดเปิดให้บริการไตรมาส 3 จ่อปันผลในอัตราหุ้นละ 0.2115 บาท วันที่ 22 พ.ค.นี้
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน)หรือ WHAUPเปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจปี2562มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจสาธารณูปโภคที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำที่ระดับ120ล้านลูกบาศเมตร
ส่วนการลงทุนโครงการSolar Rooftopกับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมาก ณ สิ้นปี2561บริษัทมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการไฟฟ้าทั้งหมด521เมกะวัตต์อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกจำนวน 43 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าแบบเชิงพาณิชย์ได้ภายในปีนี้และมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าแล้วรวม 11.2 เมกกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยมีกำหนดเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2561ถึงไตรมาส 3/2562
นอกจากนั้นในช่วงเดือนธันวาคม2561ที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้จากการให้บริการเต็มปี รวมถึงโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2562 นี้
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามนั้น ล่าสุดบริษัทฯได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ-1 เหงะอาน ที่ประเทศเวียดนาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2562 เช่นกัน
นายวิเศษ กล่าวว่าสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี2561ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,708.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบจากปีก่อนและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 2,047.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 55.3 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,251.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) 2,267.8 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 61.2%เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้การเติบโตเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในปี2561นั้น เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำของลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมและจากการขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอทั้งรายเดิมและรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น
ส่งผลให้ทั้งปีมีปริมาณการขายน้ำอยู่ที่ระดับ105ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจาก100ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2560 รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจำนวน 35 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯในปี2561อยู่ที่ 521 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการ มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2561ในอัตราหุ้นละ 0.2115 บาท คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 808,987,500 บาท และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พฤษภาคม โดยเสนอให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562
ข่าวเด่น