สำหรับดัชนีหุ้นไทยแล้วยังคงแกว่งตัวออกด้านข้างต่อเนื่องหลังจากไม่หลุดลงไปทำ New low ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน อีกทั้งยังมีความพยายามดีดกลับทำ New high สั้นๆแต่ยังไม่ผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ทำให้ในช่วงนี้ดัชนีหุ้นไทยจะมีการเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางโดยมีกรอบการแกว่งตัวระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย 25 และ 75 วันที่ 1621-1642 จุด
ดังนั้นหากในวันนี้(18 มี.ค.)ดัชนีไม่สามารถแกว่งตัวหลุดออกนอกกรอบนี้ซะก่อนดัชนีก็น่าจะยังเคลื่อนไหวแบบซึมๆ พร้อมวอลุ่มที่หดตัวต่อไปจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งเรียบร้อย
ส่วนในสัปดาห์นี้หุ้นที่แนะนำให้จับตาและน่าสนใจ ได้แก่ TNR ซึ่งมีแนวรับ 11.10-11.00 บาท ขณะที่มีแนวต้าน 11.60 , 12.20 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New highในรอบสัปดาห์ โดยผ่านขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมทั้งผ่านออกไปปิดนอกกรอบ Bollinger Topได้เล็กน้อยแต่วอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดในกรอบดังกล่าวแถวๆ 11.10-11.00 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 11.60 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ12.20 บาทต่อไป
ด้านหุ้นZEN มีแนวรับ 14.90-14.80 บาท ส่วนแนวต้าน 15.50 , 16.10 บาท โดยระดับราคาหลุดลงมาทำ New low ต่อเนื่อง แต่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายสัปดาห์ ทำให้ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้ง แต่วอลุ่มซื้อขายยังไม่เพิ่มเท่าที่ควรหากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหลุดปิดต่ำกว่าแถวๆ14.90-14.80 บาทเสียก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 15.50 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ16.10 บาทต่อไป
ขณะที่ MEGA นั้นมีแนวรับ 32.25 บาท ส่วนแนวต้าน 33.25 , 34.25 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์และกำลังจะผ่านขึ้นทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์อีกด้วย หลังจากดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมากหากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ที่ 32.25 บาทซะก่อนระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ33.25 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 34.25 บาทต่อไป
สำหรับการลงทุนในทองคำปรากฏว่าภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเมื่อเวลา 15.30 น วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่1,303.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,298.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 5.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตลาดผันผวนจากประเด็น Brexit ที่ดูไม่มีความแน่นอน ทำให้ราคาทองคำเหวี่ยงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมาและมีแรงซื้อเข้าในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง1,290.55-1,311.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเริ่มต้นสัปดาห์ราคาทองคำร่วงลงหลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้น แต่ในช่วงกลางสัปดาห์ ตลาดทั่วโลกติดตามผลการโหวตของรัฐสภาอังกฤษต่อประเด็นที่อังกฤษจะออกจากกลุ่มอียู (Brexit) ซึ่งรัฐสภาอังกฤษมีผลโหวตดังนี้
มติ 391 ต่อ 242 คว่ำข้อตกลงการแยกตัวอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป
มติ 321 ต่อ 278 ไม่ออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง
มติ 412 ต่อ 202 ขยายระยะเวลาเรื่อง Brexit จากเดิม 29 มีนาคมนี้ ไปอีก 3 เดือน เป็น 30 มิถุนายน 2562
ดังนั้นจึงมีผลทำให้ราคาทองคำได้รับแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจนดีดตัวขึ้นไปถึง 1,311 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวย่อในช่วงปลายสัปดาห์แต่ก็ยังกลับมายืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สัปดาห์ที่ผ่านมาปิดที่ 31.740 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดอยู่ที่ 31.677 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าประมาณ 0.067 บาท ซึ่งตลอดสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 31.560-31.900 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นจากที่แนะนำไว้ครั้งก่อนว่าราคาใกล้บริเวณ1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ให้ทยอยซื้อกลับคืน แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ตัดขาดทุนทันที ซึ่งหากซื้อมาแล้วยังแนะนำให้ถือทองคำต่อไป คาดเป้าหมายระยะสั้นยังคงเป็น 1,320 และ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายทำกำไรออกไปก่อน
สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ได้สะสมทองคำตามคำแนะนำเมื่อราคาต่ำกว่า 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ยังแนะนำให้ถือทองคำต่อไปซึ่งราคาขึ้นมาถึงเป้าของปี 2561 แล้วที่บริเวณ 1,290-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนสิ้นปี 2561 เป้าหมายถัดไปที่ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์และ1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ
ข่าวเด่น