สำหรับดัชนีหุ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามดีดกลับขึ้นปิดแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันอีกครั้ง หลังจากวันก่อนหน้าไม่หลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน จึงมีแรงซื้อกลับขึ้นมาได้
ในขณะที่MACD ยังยืนเหนือระดับศูนย์ได้ แม้วอลุ่มซื้อขายลดลงเพราะใกล้ช่วงวันหยุดยาวแต่จากสัญญาณ Golden cross ที่เกิดผ่านไปแล้วในช่วงต้นสัปดาห์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น
ดังนั้นหากวันนี้(9 เม.ย.)ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแถวๆ 1641 จุดซะก่อน ดัชนีน่าจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันและเส้น Bollinger Top ที่ 1654 จุดได้อีกครั้ง แนวรับถัดไป 1635 จุด
ส่วนหุ้นที่แนะนำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ TNR ซึ่งมีแนวรับ 12.90 บาท แนวต้าน 13.30-13.40 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้ง โดยเป็นการดีดกลับขึ้นมาจากเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันในวันก่อนหน้า โดยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงมาก หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 12.80 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 13.30-13.40 บาทต่อไป
ขณะที่ DTAC มีแนวรับ 54.25 บาท โดยมีแนวต้าน 55.25-55.50 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ต่อเนื่องอีกครั้งหลังจากวันก่อนหน้าเพิ่งจะผ่านขึ้นมาทำ new high ในรอบเกือบเดือน ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายเริ่มทรงตัว หากวันนี้ ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมา หรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 54.25 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high ต่อเนื่องแถวๆ 55.25-55.50 บาทต่อไป
ส่วน SEAFCO มีแนวรับ 8.00 บาท และมีแนวต้าน 8.20-8.25 , 8.35-8.40 บาท ระดับราคามีการดีดกลับขึ้นมาแรงทำ New high ในรอบสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก อีกทั้งยังเกิดสัญญาณ Golden cross ไปแล้วพร้อมกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 8.00 บาทซะก่อน น่าจะได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 8.20-8.25 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 8.35-8.40 บาทต่อไป
ด้านทองคำ สรุปภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเมื่อเวลา 13.00 น วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,289.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,291.91ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลง 2.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมากหลังรัฐสภาอังกฤษยังปฏิเสธเงื่อนไขต่างๆเกี่ยวกับการทำ Brexit และการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีความคืบหน้าต่อเนื่อง
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,280.95-1,296.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเริ่มต้นสัปดาห์ ข่าวการเจรจาเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าดูมีท่าทีที่จะพัฒนาออกมาในเชิงบวก เช่นเดียวกับรัฐสภาของอังกฤษที่ยังมีมติคว่ำเงื่อนไขต่างๆที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษนำเสนอเกี่ยวกับการทำ Brexit แม้จะถูกปฏิเสธจากรัฐสภาอังกฤษหลายครั้งก็ตาม ทางนายกรัฐมนตรีของอังกฤษจะยังขอให้ทาง EU ขยายเวลาออกไป ทำให้ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์และสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำยังเจอแรงขายต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว
ในช่วงกลางสัปดาห์มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมาของสหรัฐ ซึ่งตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบปีครึ่ง ทำให้ราคาทองคำดีดกลับขึ้นหลังจากลงไปแตะแนวรับ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ตลาดยังคงจับตามมองตัวเลข Non-farm Payroll หรือตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนมีนาคม โดยคาดว่าจะเพิ่ม175,000 ตำแหน่ง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าประมาณ 0.170 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.890 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.720 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 31.650-31.900
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นราคาขึ้นไปถึงแนวต้านที่ให้ทำกำไรแล้วบริเวณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหลังถึงเป้าราคาร่วงลงมาอีกครั้งจนได้ซื้อคืนบริเวณ 1,295-1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้ว แนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีการลงมาทดสอบครั้งหนึ่งแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ยังเด้งขึ้นไปได้ถึง 1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากปิดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวควรตัดขาดทุนออกไปก่อน
ซึ่งแนวรับถัดไปจะอยู่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไว้รอซื้อกลับบริเวณนั้นอีกทีถ้าหลุดแนวรับแรก เป้าหมายทำกำไรอยู่บริเวณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์เช่นเดิม
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือใกล้เคียงจากที่เคยสะสมซื้อมาบริเวณต่ำกว่า 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำสะสมเพิ่มหากย่อมาต่ำกว่า 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น