หุ้นทอง
"AECS "หวั่นการเมือง-ประกาศงบQ1กดดันหุ้นไทย


“AECS ”หวั่นการเมือง-ประกาศงบQ1กดดันหุ้นไทยแนะลงทุนหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง


บล.เออีซี มองตลาดหุ้นไทย มองหุ้นไทยผันผวนต่อหลังปัจจัยทางการเมืองยังไร้ทิศทางบวกกับ P/E SET ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการปรับลดประมาณการกำไร บจ.หลังประกาศงบไตรมาส 1/62 ของ Bloomberg Consensus แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ชู กลุ่มพลังงานทางเลือก - กลุ่มท่องเที่ยว- กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์ - กลุ่มโรงพยาบาล

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ระบุว่าฝ่ายวิจัยมองดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ SET Index ยังคงผันผวนจากปัจจัยทางการเมืองและโอกาศการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดกรณีสัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้าน และการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของ Bloomberg Consensus ซึ่งจะทำให้EPS ของSET Index ปรับตัวลดลงและP/E ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นของดัชนีจะเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไรท่ามกลางความผันผวนจากดัชนีมีโอกาสย่อตัวเข้าหาแนวรับ 1,650 จุด

ดังนั้นฝ่ายวิจัยAECSมองว่าเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแรง 4 กลุ่ม อาทิ กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีความมั่นคง ทางกระแสเงินสดและมีลักษณะคล้าย Fixed Income ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำหุ้น BGRIM เนื่องจากบริษัทตั้งเป้ ารายได้โต 15-20% จากปีก่อน หลังรับรู้รายได้โครงการ ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 กำลังการผลิตไฟรวม 399 MW เต็มปี บวกกับมีโครงการใหญ่ที่จะ COD ในปี 62 ทั้งโครงการ Solar DTE1&2 กำลังการผลิต 420MW และโครงการ Phu Yen TTP อีก 257 MW ซึ่งบริษัทคาดเริ่ม COD ในช่วง 2H62 หุ้น SSP คาดปี 62 ตั้งเป้ า COD เพิ่มอีก 65.6 MW จากโซลาฟาร์มมองโกเลีย 16 MW และโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 49.6MW ส่งผลให้สิ้นปี กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น157.1MW จากปี 61 ที่90.4MW

นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มท่องเที่ยว อานิสงส์บวกจากการท่องเที่ยวในประเทศที่คึกคัก แนะนำหุ้น AOT เนื่องจากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแนวโน้มผู้โดยสารจะโตจากปีก่อนแล้วในช่วง ม.ค.-ก.พ. 62 เผยจำนวนเที่ยวบินโต 5.59%จากปีก่อน และจำนวนผู้โดยสารโต 3.47%จากปีก่อน ขณะที่หุ้น ERW ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 10-15%จากปีก่อน หนุนด้วยแผนเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งให้ปีนี้ โดยแบ่งเป็นโรงแรม Hop Inn 7 แห่ง 573 ห้อง และโรงแรมขนาดกลาง 2 แห่งจำนวนห้องรวม501ห้องอีกทั้งตั้งเป้า Rev Parไม่รวม Hop Inn โต 3-5%จากปีก่อนและOccupancy Rate ที่ 80% ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง

กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์ กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ หุ้น AMATA ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274 ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่จากปีก่อน ที่มียอดขายรวม 863 ไร่ อีกทั้งหุ้น WHA คาดได้แรงหนุนจากธุรกิจนิคมและโลจิสติกส์ที่เติบโตดี โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินใหม่ 1,600 ไร่ จากปีก่อน มียอดขาย 1,232 ไร่ หลังล่าสุดเปิดตัวนิคมแห่งใหม่พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีนเตรียมเซ็นสัญญาซื้อแล้วราว 285 ไร่ พร้อมปรับราคาขายและค่าเช่าที่ดินในเขต EEC ขึ้นอีก 10%
 
นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำหุ้น BEM ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้าจะเติบโต 5-7%จากปีก่อนจากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วัน ทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปี นี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%จากปีก่อน ใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต1.3%จากปีก่อน

ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาล มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวนจากกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โตและยังมี Upside เลือกหุ้น EKH คาดปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปี ทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปี จากเดิมที่ 200 ราย/ปี นอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง หุ้น BCH ได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือและการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF หุ้น BDMS คาดกำไรปี 62 โตจากปีก่อน จากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้นและพัฒนาการของโครงการ Wellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q/62 (4.6 ล้านหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงินอีกด้วย

ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงอยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการของ บมจ.ของสหรัฐฯจากข้อมูลของFactset รายงานว่า บริษัทที่รายงานผลประกอบการแล้วคิดเป็น 15% ของดัชนี S&P500 และบริษัทที่รายงานผลประกอบการแล้ว 78% มีผลกำไรมากกว่าที่ตลาดคาด โดยยังเหลือบริษัทอีก85%ของดัชนีS&P500 ยังไม่ได้รายงาน ดังนั้นดัชนีหุ้นยังมีโอกาสผันผวนตามทิศทางกำไรของหุ้นที่จะทยอยประกาศออกมา

อย่างไรก็ตามยังคงเฝ้าติดตามจับตาตัวเลขGDPประมาณการครั้งที่ 1ช่วง 1Q/62 ของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันที่ 26 เม.ย. คาดไม่ได้แย่กว่าครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 2.2% เนื่องจาก เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตัวเลขศก.โดยสหรัฐฯรายงานยอดค้าปลีก เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อน พลิกกลับมาเป็นบวกและสุดในรอบ 1 ปี บวกกับ การฟื้นตัวของ ศก. จีน GDP ช่วง 1Q62 เพิ่มขึ้น 6.4%จากปีก่อน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 8.5%จากปีก่อน และยอดค้าปลีกเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 8.7%จากปีก่อน อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงจาก 1) รายงานการประชุม FED ที่ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2562 เหลือ 2.1% และปี 2563 เหลือเพียง 1.9% 2) เศรษฐกิจยุโรป ยังคงอ่อนแอจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ที่ประกาศออกมาต่ำกว่า 50 อยู่ที่ระดับ 47.8

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 เม.ย. 2562 เวลา : 20:08:35
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 9:19 pm