คุณผู้หญิงส่วนใหญ่หลังจากเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าจาก“นางสาว” มาเป็น “นาง” จากนั้นก็ต้องเตรียมตัวมาเป็นคุณแม่ ซึ่งช่วงจังหวะของการเป็นคุณแม่ นี่แหละคะที่คุณผู้หญิงหลายคนถึงกับเครียดหนัก เพราะหลายคนต้องทิ้งงาน เพื่อมาเป็นคุณแม่เต็มตัว เพราะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง นั่นหมายถึง รายได้ที่คุณผู้หญิงเคยได้รับก็หดหายไปทันที ภาระผู้ที่หารายได้หลักก็จะไปตกหนังที่คุณผู้ชาย
แต่คุณผู้หญิงอย่าพึ่งตกอยู่ในภาวะนอยว่าวันๆจะตกอยู่ในภาวะหัวฟูเป็นยัยเพิ้งที่ต้องจมชีวิตตัวเองเลี้ยงลูกตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนและยังต้องเป็นคุณแจ๋วดูแลคุณผู้ชายอีกในเรื่องข้าวปลาอาหาร แถมยังหมดโอกาสชิลๆ ส่วนตัว ในการเสริมสวย หรือช้อปปิ้งเหมือนในช่วงที่ยังเป็นนางสาวนะคะ หรือโทษตัวเองว่าเคยหาเงินได้ กลับต้องให้คุณผู้ชายหาเลี้ยงฝ่ายเดียว อย่างเพิ่งตัดสินหรือคิดลบมากมายกับชีวิตตัวเองมากเกินเหตุ
อยากให้เปิดมุมมองคิดบวกว่า แม้คุณจะตกอยู่ในสภาวะเป็นแม่บ้าน Full time คุณแม่มือใหม่ หรือคุณแจ๋วของคุณผู้ชาย จำศีลอยู่แต่ในบ้านก็ตาม แต่ก็ยังมีโอกาสให้คุณสามารถรายได้ช่วยจุนเจือครอบครัวและช่วยแบ่งเบาภาระคุณผู้ชาย โดยอาจมีรายได้ล้ำหน้าคุณผู้ชายก็ได้นะคะ
วันนี้“มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงเชื่อว่าคุณแม่มือใหม่หลายคนพยายามมองหาว่าจะทำอะไรที่เป็นรายได้ เพิ่มเติมให้กับครอบครัวได้ โดยเฉพาะคุณแม่บ้านมือใหม่ที่ได้รับสิทธิเป็นผู้ควบคุม งบประมาณส่วนกลางของครอบครัว ถือเป็นโอกาสดี ที่จะโชว์ฝีมือบริหารเงินส่วนกลางของบ้าน ด้วยการวางแผนการเงินและการบริหารเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและตนเองได้เช่นกัน
ดังนั้น“มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ”ช่วยแนะแนวการวางแผนจัดสรรเงินเป็นส่วนๆ เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในบ้าน และต่อยอดเงินออมไปสู่การลงทุน ผ่านเทคนิค “4 วิธีสร้างความมั่งคั่งฉบับคุณแม่มือใหม่”ดังนี้
เริ่มจากจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครอบครัว เหตุผลที่ต้องจัดทำบัญชีดังกล่าว ก็เพื่อให้คุณรู้ว่าค่าใช้จ่ายของครอบครัวมีเรื่องอะไรบ้างและจัดการวางแผน ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น พูดง่ายๆ ก็คือ อะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัด ชวนสมาชิกครอบครัวมาร่วมด้วยช่วยกัน
เช่น ลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์จากเดิมกินข้าวนอกบ้านเป็นประจำก็เปลี่ยนมาเป็นการทำกับข้าวทานด้วยกันที่บ้าน จะช่วยให้สบายใจและสบายกระเป๋าไปพร้อมๆกัน
“ที่สำคัญอย่าเผลอซื้อกับข้าวหรือตุนของใช้ในบ้านไว้จนเกินจำเป็น ทางที่ดีควรจดรายการสินค้าที่ ต้องการก่อนทุกครั้งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะกว่าที่คิดแน่นอน”
ต่อมาจัดสรรเงินออมและเงินลงทุนแยกตามเป้าหมาย ซึ่งวิธีนี้ควรแยกบัญชีออกจากกัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารเงิน ไม่ว่าจะเป็นออมเพื่อวัยเกษียณของคุณและสามี ออมเพื่อการศึกษาบุตร ออมเพื่อซื้อบ้าน หลังใหม่ให้ครอบครัว เป็นต้น
จากนั้น เลือกช่องทางการออมและลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย โดยควรวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ทั้งด้านระยะเวลาและอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง ที่สำคัญต้องเลือกให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ด้วย เช่น เงินออมเพื่อเกษียณ เป็นเป้าหมายระยะยาว ถ้ารับความเสี่ยงได้สูงก็ควรเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้น เพื่อรับผลตอบแทนที่มากขึ้นได้
ในขณะที่เงินออมเพื่อเป็นค่าเทอมลูกเป็นเป้าหมายระยะสั้นและมีความสำคัญสูง ดังนั้นไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงจนเกินไป ควรเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือกองทุนตราสารหนี้ก็ได้
และหมั่นตรวจสอบเป้าหมายทางการเงินอยู่เสมอการทำเช่นนี้เพื่อจะได้ปรับแผนการเงินให้ทันต่อเหตุการณ์ เช่น หากครอบครัวมีสถานะ การเงินดีขึ้นก็ควรออมเงินให้มากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นหรือหาก สภาวะการลงทุนเปลี่ยนแปลง จนทำให้ไม่ได้อัตราผลตอบแทนตามที่คาดหวังก็ควรปรับเป้าหมายหรือแผนการเงินให้สอดคล้อง
ลองมาดู ตัวอย่าง การจัดทำงบประมาณครอบครัว เพื่อบริหารรายได้ค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม และมีเงินออม เพื่อจัดสรรเงินออมและลงทุน เพื่อเป้าหมายทางการเงินต่างๆของครอบครัว โดยจัดลำดับตามความสำคัญดังนี้
เริ่มจากค่าเทอมลูกระดับอนุบาลระยะเวลา 3 ปี ต้องใช้เงิน 150,000 บาท ดังนั้นในส่วนนี้ทางเลือกการออมและลงทุน ควรเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี เพราะมีระยะเวลาออมสั้นควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อคุ้มครองเงินต้น ดังนั้นจะต้องออมเงินส่วนนี้เดือนละ 4,044 บาท
จากนั้นค่าเทอมระดับประถม 6 ปี ต้องใช้เงิน 300,000 บาท ดังนั้นในส่วนนี้ ทางเลือกการออมและลงทุน ควรเป็นกองทุนรวมผสมที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี เพราะมีระยะเวลาออมนานขึ้น ควรเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้น เพื่อให้เงินออมได้มีโอกาสเติบโตมากขึ้น ดังนั้นจะต้องออมเงินส่วนนี้เดือนละ 3,675 บาทต่อเดือน
ส่วนเงินใช้หลังเกษียณ 20 ปี ของคุณและสามี (คนละ 15,000 บาทต่อเดือน) ระยะเวลา 25 ปี ควรมีเงิน 8,000,000 บาท ดังนั้นควรลงทุนกองทุนรวมหุ้นที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี เพราะมีระยะเวลาออมยาวนานมากกว่า 10 ปี ควรเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้น เพราะเวลาจะช่วยถัวเฉลี่ยความเสี่ยงได้และเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วย ดังนั้นจะต้องออมเงินส่วนนี้เดือนละ 6,779 บาท
อย่างไรก็ตามสำหรับจำนวนเงินเป้าหมาของ พ่อ แม่ และลูก 1 คน รวม 8,450,000 บาท ดังนั้นคุณแม่มือใหม่จะต้องบริหารเงินออมส่วนนี้ หรือจัดสรรเงินออมต่อเดือน 14,498 บาท โดยเป้าหมายการเงินดังกล่าวยังไม่ได้ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ
หากคุณสามารถบริหารเงินงบประมาณครอบครัวและจัดสรรเงินออมไปลงทุน เพื่อเป้าหมายได้ตามแผนที่ตั้งใจไว้ “มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ” เชื่อมั่นว่า คุณและครอบครัวจะมีอนาคตที่มั่นคงได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ควรทบทวนแผนการเงินอยู่เสมอ และเตรียมวางแผนรับมือกับเป้าหมายในอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้อีก เช่น ค่าเทอมลูกระดับมัธยมศึกษาและระดับปริญญาตรี เป็นต้น ซึ่งคุณแม่ก็สามารถปรับปรุงแผนการเงิน ได้ง่ายๆ ตามแนวทางต่อไปนี้ เป็นต้น เช่น ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างรายได้เพิ่มจากงานอดิเรก เลื่อนระยะเวลาเป้าหมายเพื่อให้มีระยะเวลาเก็บเงินนานขึ้น เช่น หากต้องการไปเที่ยวต่างประเทศในอีก 1 ปี ข้างหน้า แต่เงินออมยังไม่เพียงพอ ก็ควรเลื่อนออกไปก่อนไม่ควรเบียดเบียนเงินออมจากเป้าหมายสำคัญอื่นๆ
ขณะเดียวกันต้องศึกษาการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มผลตอบแทนโดยที่ยังสอดคล้องกับเป้าหมาย และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ส่วนการลดจำนวนเงินเป้าหมาย เช่น เปลี่ยนให้ลูกเรียนในโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน เพื่อประหยัดค่าเดินทางและค่าเทอม เป็นต้น
ดังนั้นหากคุณลาออกจากงานประจำมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกแบบ Full time ไม่ต้องง้อ หรือรอรับค่าเลี้ยงดูจากคุณผู้ชายฝ่ายเดียว เพียงแค่คุณเป็นคนหลังบ้าน เริ่มต้นวางแผนทางการเงินของครอบครัว ให้เกิดเงินออมที่พร้อมนำไปต่อยอดลงทุนตามความเสี่ยงที่เหมาะสมกับครอบครัวและตรวจสอบเป้าหมายทางการเงินอยู่เสมอ คุณจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้อีกทางร่วมกับคุณผู้ชายเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง และมั่งคั่งให้แก่ครอบครัวได้ ไม่แพ้คนทำงานประจำได้เช่นกัน
ข่าวเด่น