ร้านเพื่อสุขภาพและความงามถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจค้าปลีกที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการสนใจก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้มากขึ้น ซึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการรายเก่าที่อยู่ในตลาดอย่างร้านวัตสันต้องออกมาปรับกลยุทธ์ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่
สำหรับกลยุทธ์ที่ร้านวัตสันเลือกนำมาใช้ในปีนี้ คือการขยายฐานลูกค้าในช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าในช่องทางออฟไลน์ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าชอบความสะดวกสบายมากขึ้น ร้านวัตสันจึงต้องมีการผสมผสานกลยุทธ์ในการทำตลาดระหว่างการซื้อสินค้าทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้า ผ่านกลยุทธ์ O+O ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างลูกค้ากับผลิตภัณฑ์ การอัพเดทเทรนด์และประสบการณ์ด้านสุขภาพความงามต่างๆ ซึ่งหลังจากทดลองทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าวช่วงที่ผ่านมาพบว่าสามารถผลักดันให้มียอดขายในร้านค้าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่าในปี2561ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มมีการทำการตลาดแบบ O+O (Online + Offline) มาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาร้านค้าร้านวัตสันหรือการขยายช่องทางการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งหลังจากทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าวพบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นในปี 2562 นี้บริษัทจึงจะเดินหน้าทำการตลาดภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้การจับจ่ายของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้านค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปกติ
นอกจากนี้วัตสันยังจะให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพราะเชื่อมั่นว่าประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้ารูปแบบใหม่ที่ได้สร้างขึ้นมา รวมถึงสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆความคุ้มค่าของสินค้า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้ลูกค้ามีความสุขและสนุกเมื่อได้เข้ามาซื้อสินค้าที่ร้านวัตสัน
นายพสิษฐ์ กล่าวต่อว่าการเติบโตของสื่อโซเชียลมีเดียถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัว และมีความสนใจที่จะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ผลประกอบการด้านการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของร้านวัตสันในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 248% เพราะนอกจากจะมีการนำเสนอบริการใหม่ๆที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแล้ว บริษัทยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเชื่อถือได้และนำเสนอโปรโมชั่นที่ดีที่สุดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปหาข้อมูลและช้อปปิ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อีกหนึ่งความสะดวกสบายที่วัตสัตนำเสนอลูกค้า คือการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินที่หลากหลายช่องทาง และการบริการจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าได้ที่หน้าร้านตามความสะดวกของลูกค้า (Click & Collect) ซึ่งจากบริการที่สะดวกดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในรูปแบบ (Click & Collect) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีเพื่อให้บริการได้รับความสะดวกมากขึ้นในปีปีนี้"วัตสัน"จึงได้มีการสร้าง engagementกับผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชันของวัตสันขึ้นมา เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ รวมไปถึงช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้า
และเพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการรับสินค้าที่ร้านวัตสันมากขึ้น ล่าสุดวัตสันได้ออกมาประกาศแผนที่จะขยายร้านเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 50 สาขาในปี 2562 นี้ จากปี 2561มีจำนวนสาขารวมอยู่ที่ประมาณ 500 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังจะมีการปรับโฉมร้านวัตสันสาขาเก่าให้มีความทันสมัยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 75 สาขาทั่วประเทศ ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 630 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายเมื่อเข้ามาใช้บริการในร้านวัตสันมากขึ้น
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่าเพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าในปีนี้ บริษัทได้มีการออกแบบร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้ชื่อ “G8” เข้ามาทำตลาด ซึ่งจุดเด่นของร้านคอนเซ็ปต์นี้ คือ การมีบริการใหม่ๆเพิ่มขึ้น เช่น สไตล์มี (Style Me) หรือ การทำเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ให้บริการแต่งหน้าได้เสมือนจริงมาให้บริการ และ มี ไทร์มี (Try Me) หรือการทำเทคโนโลยีแสดงสินค้าผ่านรูปแบบวิดีโอมีที่แรกที่เดียวในไทย สร้างความสนุกสนานการมีส่วนร่วมกับลูกค้ามาให้บริการ รวมไปถึงการนำเมกอัพสตูดิโอ (Make Up) หรือมุมแต่งหน้าและทดลองสินค้ามาให้ลูกค้าได้ทดลองใช้สินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ
นอกจากนี้ยังจะมีการนำสินค้าใหม่ๆมาสับเปลี่ยนจำหน่ายเพิ่มเติมภายในร้านอีกประมาณ 5,000 รายการ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะมีทั้งสินค้าใหม่ของพันธมิตรทางธุรกิจและสินค้าใหม่โอนแบรนด์ (Own Brand) หรือสินค้าของวัตสันเอง ซึ่งปัจจุบันสินค้าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายในปี 2561 ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 20%
ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้ในปีนี้วัตสันมีแผนที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าโอนแบรนด์นวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า" Mask Destination" เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ชื่นชอบการมาสก์หน้า ขณะเดียวกันยังถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ “มาสก์” เนื่องจากปัจจุบัน วัตวัน มีผลิตภัณฑ์มาสก์ที่มีความหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยในปี2562นี้ วัตสันมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าโอนแบรนด์อีก 150 เอสเคยู จากเดิมมี 750 เอสเคยู รวมให้ครบ 900 เอสเคยูในสิ้นปีนี้
จากผลการตอบรับที่ดีทำให้วัตสัน คาดการณ์ว่าสิ้นปี2562 นี้น่าจะเพิ่มยอดสมาชิกได้เป็นที่น่าพอใจ จากปัจจุบันวัตสันมีจำนวนสมาชิกเกือบ 5 ล้านราย จากการนำเสนอรูปแบบการเป็นสมาชิกแบบใหม่ ที่เรียกว่า Elite โดยสมาชิกสามารถเป็น elite ได้โดยมียอดการใช้จ่ายมากกว่า 14,000 บาทต่อปี ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าวคาดว่าสิ้นปี 2562 นี้จะมีรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
ข่าวเด่น