ประกัน
บล.เออีซี ชี้ตลาดหุ้นไทย"ไร้ปัจจัยบวก-การเมืองกดดัน"


บล.เออีซีชี้ตลาดหุ้นไทย“ไร้ปัจจัยบวก-การเมืองกดดัน”แนะลงทุนหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง


“บล.เออีซี”ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวขาลงเนื่องจากไร้ปัจจัยบวกเสถียรภาพการเมืองยังไม่ชัดเจนทั้งต้องเกาะติดประเด็นต่างประเทศ“การประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ-การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น”แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ชูกลุ่มพลังงานทางเลือก “BGRIM-SSP”กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์ “AMATA-BEM” กลุ่มMid to Small Cap และ TWPC น่าลงทุน

สำหรับภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ต้องยอมรับว่าปัจจัยลบรุมเร้าและปกคลุมบรรยากาศการลงทุน ซึ่งมีทั้งประเด็นปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ ดังนั้นจึงทำให้การแกว่งตัวของดัชนีหุ้นอยู่ในทิศทางแกว่างตัวขาลง

สอดคล้องกับมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ที่ระบุว่าฝ่ายวิจัยมองดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ SET Index แกว่งตัวขาลง เนื่องจากปัจจัยลบจากความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดยเฉพาะหากเกิดกรณีสัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ยังต้องเผชิยหน้ากับการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของBloomberg Consensus ซึ่งจะทำให้ EPS ของ SET Index ปรับตัวลดลงและPE Valuation ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นของดัชนีจะเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไรท่ามกลางความผันผวนจากดัชนีมีโอกาสย่อตัวเข้าหาแนวรับ 1,650 จุด

ดังนั้นฝ่ายวิจัย AECS มองว่าเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นใน 3 กลุ่ม อาทิ 1.กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น ควรเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสด และมีลักษณะคล้าย Fixed Income ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำ BGRIM (บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 15-20%YoYหลังรับรู้รายได้โครงการ ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 กำลังการผลิตไฟรวม 399 MW เต็มปี บวกกับมีโครงการใหญ่ที่จะ COD ในปีนี้ทั้งโครงการ Solar DTE1&2 กำลังการผลิต 420MWและโครงการ Phu Yen TTP อีก 257MW ซึ่งบริษัทคาดเริ่ม COD ในช่วง 2H62)และ SSP (ปีนี้ตั้งเป้า COD เพิ่มอีก 65.6 MW จากโซลาฟาร์มมองโกเลีย 16 MWและโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 49.6MW ส่งผลให้สิ้นปีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 157.1MW จากปี 61 ที่ 90.4MW)

นอกจากนี้ยังแนะนำ 2.กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์ โดย กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274 ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ขณะเดียวกันแนะนำ BEM (ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7%YoYจากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 2564 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 2562 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 2563 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%YoYใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3%YoY) และ AOT (ช่วง ม.ค.-มี.ค.2562 เผยจำนวนเที่ยวบินโต 2.71%YoY และจำนวนผู้โดยสารโต 2.41%YoY)

สุดท้ายกลุ่ม 3.Mid to Small Cap โดยเลือกหุ้นที่กำไรปีนี้จะมีแนวโน้มโตเด่นเลือกTWPC ซึ่งปีนี้คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น

ส่วน SVI หนุนด้วยเป้ารายได้โต 20%YoY จากลูกค้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด รวมถึงลูกค้าจากจีนที่มีความต้องการสินค้าสูงขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้มีโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 130 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 17 เม.ย.-16 ต.ค.62

ฝ่ายวิจัย บล.เออีซี ยังมองว่าส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงติดตามการประกาศตัวเลขGDPประมาณการครั้งที่ 1 ของสหรัฐฯ ช่วง 1Q/62 ออกมามากกว่าที่ตลาดคาด (Actual 3.2% vs Forecast 2.0%)อีกทั้งการประชุม FED ครั้งถัดไปวันที่ 30-1 พ.ค. ยังคงมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ย บวกกับเริ่มมี Implied Prob.การลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น 0.5-1.4% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยการค้าระหว่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเกี่ยวกับสินค้าเกษตรและยานยนต์ หากมีความคืบหน้าจะช่วยเพิ่มUpside ในช่วงสัปดาห์นี้ได้

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงสั้นจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันให้ OPEC ปรับลดราคาน้ำมันดิบลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในสหรัฐฯปรับตัวลดลงยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของ FED เช่น ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 เม.ย. 2562 เวลา : 19:01:05
24-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 24, 2025, 10:02 pm