ต้องบอกเลยว่าการเป็นหนี้เป็นสินดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกหรือไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การเป็นหนี้ก็ต้องมีสติด้วย เพราะการก่อหนี้ของคุณแม้เป็นหนี้ได้แต่จะต้องเป็นหนี้ไม่เกินครึ่งหนึ่งของรายได้ต่อเดือนที่คุณได้รับที่สำคัญเพียงแต่คุณต้องรู้ทันในการเป็นหนี้ด้วย
เพราะการเป็นหนี้ก็เป็นเหมือนเงาที่เกาะตามตัวคุณ เรียกได้ว่าหนี้จะติดตามตัวคุณไปตลอดเวลา ขณะเดียวกันคุณจะหลีกเลี่ยงไม่ใช้หนี้ไม่ได้นะ...ดังนั้นคุณต้องใช้หนี้ อย่าพยายามหนีเพราะมันจะทำให้คุณเสียเครดิตไปตลอดชีวิต
ดังนั้น...แล้วถ้าคุณเป็นหนี้ คุณจะทำอย่างไรหละ เพราะภาระหนี้คุณเยอะแยะมากเหมือนใยแมงมุม
แล้วทำไม...คุณถึงชำระหนี้ที่พะรุงพะรังก้อนนี้ไม่ได้
นั่นเป็นเพราะคุณไม่รู้จักพอชอบซื้อโน่นซื้อนี่ โดยไม่ประมาณตน แค่คิดว่า เอาหนะ...เขาให้ผ่อนชำระ...จ่ายเดือนละนิดเดียว เดี๋ยวใช้หมด เลยพาให้คุณหลงระเริง เลยเถิดซื้อสินค้าเงินผ่อนหลายๆชิ้น ในเวลาเดียวกัน โดยรู้ไม่ทันตัวเองและรู้ไม่ทันการเป็นหนี้ เช่น ถ้าคุณประกอบอาชีพขับแท็กซี่ มีหนี้แต่ชำระหนี้ไม่ได้
นั่นเป็นเพราะคุณรู้ไม่ทันเรื่องหนี้ เช่น คุณยอมเป็นหนี้เพื่อซื้อมือถือโดยมีเป้าประสงค์การใช้แค่เพียงนำไปถ่ายรูปเฉยๆและถ้าอยากจะขายก่อนก็มีแต่ขายขาดทุน แถมเอาไปสร้างรายได้ก็ไม่ได้อีก ซึ่งถ้าคิดแบบนี้จึงไม่ควรเป็นหนี้และแถมยังนำเงินที่หามา ไปซื้อสินค้าผ่อนรายการอื่นผ่านบัตรเสียหมด...แล้วถ้าเงินขาดมือก็ไปหยิบยืมเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยแพงหูฉี่อีก
ส่วนรถแท็กซี่ที่คุณกำลังผ่อนอยู่นี่ถือว่าเป็นหนี้ดี เพราะว่าเอารถมาขับเพื่อหาเงินและเป็นการสร้างรายได้และหากคุณผ่อนรถแท็กซี่หมดก็นำมาเป็นสินทรัพย์ได้อีกด้วย นี่แหละคือการรู้ทันหนี้ว่า อันไหนคือหนี้ดีและอันไหนคือหนี้ที่อันตราย
เมื่อเป็นเช่นนี้คุณก็ต้องรีบตระหนักว่าหนี้ไหนควรรีบชำระก่อนหลัง แล้วถ้าคุณต้องการปลอดหนี้ให้หมดจะต้องทำอย่างไรวันนี้ “มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ”มีคำตอบ
ก่อนอื่นคุณต้องมีสติ เริ่มรวบรวมหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด โดยดูว่าเกินครึ่งหนึ่งของรายได้ไหม (การมีหนี้ต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของรายได้)...
ลองมาดูว่าถ้าคุณขับแท็กซี่ รายได้ต่อเดือนจากการขับแท็กซี่ของคุณมีรายได้เท่าไร เช่น ถ้าคุณมีรายได้ต่อเดือน 25,000 บาท
ส่วนหนี้ต่อเดือนหรือผ่อนโน่นนี่ต่อเดือนเท่าไร...โอ้โห หนี้บานแตะ 20,000 บาทต่อเดือน...แม่เจ้า หนี้คุณเกินกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ แล้วเหลือเงินเพียง 5,000 บาทต่อเดือน ไหวไหมนี่ แบบนี้เข้าข่ายเรียกว่า “หนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” แล้วนะ
“มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ”ต้องขอร้องและตะโกนดังๆๆให้คุณ...
หยุดรูด...
หยุดยืม...
หยุดกู้...
และหยุดก่อหนี้เพิ่ม...
จากนั้นต้องหาหาวิธีจ่ายหนี้และเร่งปิดหนี้ให้เร็วที่สุด...
โดยเฉพาะหนี้รายการไหนจะหมดหรือมียอดหนี้เหลือน้อยที่สุดควรรีบจ่ายก่อน แล้วนำเงินที่เหลือไปจ่ายหนี้ก้อนอื่นต่อ
แล้วก็มาจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงหรือว่าหนี้ก้อนไหนดอกเบี้ยแพงเว่อร์ควรรีบจ่ายให้หมด
เพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ เนื่องจากดอกเบี้ยนอกระบบสูง เฮียเขาคิดดอกเบี้ย 10% ต่อเดือน หรือมากกว่านั้น เพราะจ่ายแต่ดอกเบี้ยให้เฮีย ยังมากกว่าเงินที่กู้เฮียมาอีก (แต่ถ้ากู้เงินก้อนนี้ในระบบ ดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ต่อปี แถมผ่อนไปทุกเดือนเงินต้นก็จะลดลงไปด้วยก็จะเป็นอิสระจากหนี้)
หากคุณมีหนี้เยอะจริงๆแล้วถ้าคุณใช้หนี้ไม่ไหวจริงๆ ต้องลองมองหาที่ปรึกษาหรือไม่ก็ไปติดต่อธนาคาร
หรือไม่ก็หาทางต่อรองกับเจ้าหนี้ โดยการขอแบ่งจ่ายคืนเป็นก้อนหรือขอลดดอกเบี้ยจะได้เคลียร์หนี้ได้หมดสักที.....ถ้าคุณทำอย่างนี้ได้และมีวินัย ก็จะทำให้คุณสามารถปลดหนี้ได้...
เมื่อเคลียร์หนี้ได้หรือปลดหนี้ได้...เงินก็ผุด นั้นก็คือกลวิธีง่ายๆคือ เมื่อลดหนี้ และลดรายจ่ายได้ เงินที่จ่ายหนี้หมด เงินก้อนนั้น ก็ผันมาเป็นเงินออม และเมื่อลดค่าใช้จ่ายลง เงินจากการลดค่าใช้จ่าย ก็ผันมาเป็นเงินออม...เมื่อผันเงินทั้งสองส่วนมาเก็บหอมรอมริบ...แป๊บเดียว...นอกจากปลดหนี้ได้....แถมยังมีเงินออมเกิดขึ้นมาทดแทน...เก็บไว้เลี้ยงชีพเพิ่มได้ คุณก็จะมีชีวิตที่มีอิสระไร้หนี้มีแต่เงินออมได้
ข่าวเด่น