“บล.โกลเบล็ก”มอง“ทรัมป์”ตัวการใหญ่ทำเศรษฐกิจ-หุ้นป่วน แนะลงทุนหุ้นรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยประสบแรงกดดันจากสงครามทางการค้าสหรัฐ-จีน หลังการเจรจาล่าสุดล้มเหลวและเตรียมเรียกร้องญี่ปุ่นลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรต่ออีก ก.คลังพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่หวังพยุงเศรษฐกิจ โดยให้กรอบดัชนี1,625-1,665 จุด หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ SE-ED, COL, LPN, PSH, SPALI, QH, ROBINS, BJC, CENTEL และ ERW ส่วนด้านราคาทองคำลุ้นแกว่งตัวเหนือ 1,275-1,290 ดอลลาร์ต่อ แนะเก็งกำไรราคาทองคำแบบ swing trade เลี่ยงความผันผวนค่าเงินบาทในประเทศ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือGBS กล่าวว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของกระทรวงการคลัง หลังเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทยและดัชนี MSCIได้มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยรอบใหม่จากเดิม 2.5% เป็น 3% มีผลปลายเดือนพฤษภาคม 2562 รวมทั้งการคาดหวังจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันในช่วงนี้ยังคงอยู่ในเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีความไม่แน่นอนขาดความชัดเจนว่าจะตกลงกันได้เมื่อใด โดยต้องรอถึงเดือนหน้าวันที่ 28 – 29 มิ.ย.ในการประชุมผู้นำ G20 ที่ผู้นำสหรัฐและจีนจะพบปะกัน ล่าสุดสหรัฐเรียกร้องญี่ปุ่นลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรหวังลดยอดขาดดุลการค้าซึ่งอาจเป็นสงครามการค้าคู่ใหม่ ประกอบกับปัจจัยลบภายในจากการที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)เตรียมปรับลดประมาณการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)และเป้าส่งออกในเดือนกรกฎาคมนี้
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่14 พ.ค. อียูเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมมี.ค.และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจพ.ค. สหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. ส่วนกสทช.นำร่างประกาศหลักเกณฑ์การจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz เผยแพร่ในเว๊บไซต์วันที่15 พ.ค.กำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบงวดไตรมาส 1/2562 ของบจ.และจีน เปิดเผย การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. อียู เปิดเผยGDPไตรมาส 1/2562(ประมาณการครั้งที่ 2) สหรัฐ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ดัชนีภาคการผลิต เดือนพ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. สต็อกสินค้าภาคธุรกิจเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วนวันที่ 16 พ.ค. สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย.และดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.และวันที่ 17พ.ค. อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และ วันที่ 20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขGDP ไตรมาส 1/62
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนในกรอบกว้างจากสัปดาห์ก่อนจากความไม่ชัดเจนของสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ขณะที่ปัจจัยการเมืองคาดจะมีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล คาดดัชนี SETจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,625 - 1,665 จุด
ดังนั้นแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ SE-ED, COL, LPN, PSH, SPALI, QH, ROBINS, BJC, CENTEL และ ERW
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าผลการประชุมลดข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ เนื่องจากทางจีนไม่ยอมรับสถานการณ์เจรจาบนคำขู่และการคุกคามจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่สหรัฐฯประกาศใช้ทั้งก่อนและระหว่างการพูดคุยได้ ทำให้การพบปะกันอีกครั้งจะเกิดขึ้นที่ประเทศจีนแต่ยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตาม ฝั่งจีนยังไม่ออกมาตรการตอบโต้การปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯอย่างที่ระบุไว้ก่อนหน้า
อีกทั้งล่าสุดทางการสหรัฐฯเตรียมเพิ่มรายชื่อประเทศที่ต้องถูกตรวจสอบการเข้าแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนเพื่อประโยชน์แก่การส่งออกมายังสหรัฐฯจากเดิม 12 เป็น 20 ประเทศ ทำให้สกุลเงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากที่นักลงทุนรอดูการตอบสนองของจีนต่อความล้มเหลวจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯเพื่อประเมินแนวโน้มความรุนแรงของภาวะสงครามการค้าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกก่อน ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงแกว่งอยู่ในกรอบ 1,275-1,290 ดอลลาร์ต่อไปจนกว่าจะมีการประกาศมาตรการโต้กลับจากจีนหรือมีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ
ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.50-31.80 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำให้เก็งกำไรราคาทองคำแบบ swing tradeในกรอบจำกัด โดยเน้นปิดทำกำไรเร็วเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท
ข่าวเด่น