บล.ไอร่า ประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ มีความผันผวนไปทางขาขึ้น หลังปัจจัยทางการเมืองเริ่มดีขึ้น กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งเป็นทางการพร้อมจัดตั้งรัฐบาล มีลุ้นดัชนีทดสอบต้านแรก 1,750 จุด พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชู ROBINS- CENTEL-ERW - AOT - PSH -SPALI
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินแนวโน้มการลงทุน ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทย ยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดยยังให้น้ำหนักปัจจัยทางการเมืองในประเทศหลัง กกต. ประกาศรับรองผลเลือกตั้งเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ Sentiment กลับเป็นบวก โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือน หากแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความราบรื่น คาดช่วยสร้างความเชื่อมั่นลงทุน พร้อมคาดมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากรัฐบาลชุดใหม่ เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
ทั้งนี้ควรระวังแรงขายทำกำไร หลังหมดช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2562 ในช่วงกลางเดือนนี้ ขณะที่คาดการประชุมกนง. คงอัตราดอกเบี้ย 1.75% ส่วนปัจจัยด้านต่างประเทศ กลับมามีความไม่แน่นอนและกดดันภาพรวมตลาดทั่วโลกอีกครั้งโดยเฉพาะประเด็นการทำสงครามการค้า หลังสหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเป็น 25% วงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวงเงินที่เหลืออีก 325,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมแนะติดตามเงินสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ คาดส่งผลต่อราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง
ส่วนราคาน้ำมันยังคง รอการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเดือนมิถุนายน 2562 นี้ ว่าจะขยายระยะเวลาการลดการผลิตหรือไม่ ขณะที่คาดยังมีความกังวล Supply ตึงตัว หลังสหรัฐฯ ยกเลิกการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยมีแนวต้านแรกที่ 1,750 จุด และถัดไปที่ 1,820 จุดตามลำดับ โดยเลือกลงทุนในหุ้น ดังนี้ 1.หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS กลุ่มที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยว เช่น CENTEL, ERW และ AOT และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น PSH และ SPALI
2. หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากราคาสัตว์บกที่มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง เช่น CPF และ TFG เป็นต้น และ 3 กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์หลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คาดแผนการลงทุนต่อเนื่องในครั้งปีหลง 2562 เช่น CK และ STEC เป็นต้น 4 กลุ่มพลังงาน คาดเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนโดยเฉพาะในช่วงราคาหุ้นปรับลดลง ภายใต้ราคาน้ำมันที่ยังได้รับปัจจัยหนุนจากความกังวล Supply ตึงตัว หลังสหรัฐฯ ยกเลิกการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน เช่น PTT เป็นต้น และ 5 กลุ่มที่มีความน่าสนใจจากผลประกอบการที่คาดทำ New High ต่อเนื่อง เช่น CHG และ SCB จากผลประกอบการที่คาดดีขึ้นตามลำดับนับจากครึ่งหลังปี 2562 เป็นต้นไป พร้อมมี Upside จากการขายหุ้นใน SCB Life
ข่าวเด่น