หุ้นทอง
ฉลาดใช้ "บัตรเครดิต-บัตรเงินสด" ไร้หนี้ตลอดกาล


คุณน่าจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องมีประสบการณ์ในการขออนุมัติสินเชื่อจากแบงก์ต่างๆมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคล เหตุผลเพื่อนำเงินสินเชื่อเหล่านั้นมาใช้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล เช่นลงทุน เป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจเล็กๆของคุณหรือใช้เพื่อความสะดวกไม่ต้องพกเงินสดเยอๆ เพื่อตอบโจทย์และความต้องการของคุณล้วนๆ


แต่การขอสินเชื่อเหล่านี้สิ่งสำคัญต้องขึ้นอยู่กับเครดิตของตัวคุณเองเป็นสำคัญ โดยแบงก์ต้องพิจารณา สถานะทางการเงินของผู้ขอสินเชื่ออย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้จนนำพาไปสู่การเกิดหนี้เสียตามมาได้

ดังนั้นถ้าคุณเป็นบุคคลที่สมหวังโดยได้รับไฟเขียวจากแบงก์ยอมปล่อยสินเชื่อให้คุณ เนื่องจากเครดิตคุณดีและอยู่ในเกณฑ์ที่คุณมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้น้อยมาก ซึ่งคุณก็อย่าหลงระเริง เพราะการก่อหนี้เกิดขึ้นเมื่อไรหากไม่มีวินัย หรือไม่มีความรับผิดชอบและไม่วางแผนก็มีโอกาสเกิดหนี้ก้อนโต ตามหลอกหลอน หรือติดตามตัวคุณเหมือนเงาได้เช่นกัน

ฉะนั้นก่อนที่คุณจะลงมือก่อหนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯขอแตะเบรคคุณให้มารู้จักผลิตภัณฑ์ที่คุณจะใช้แบบฉลาดรู้ ฉลาดใช้สินเชื่อ หรือยืมเงินแบงก์มาใช้ฟรี โดยไร้ภาระหนี้ ไร้ภาระดอกเบี้ย

และที่สำคัญผลิตภัณฑ์เหล่านี้ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลทางการเงิน ถือว่ามีประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว แต่คุณต้องรู้วัตถุประสงค์การใช้อย่างชัดเจน ควรตรวจสอบรายละเอียดต่างๆประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ได้ประโยชน์คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานที่สุดหรือบัตรไหนควรใช้เมื่อไหร่ถึงได้ประโยชน์ดีกว่า

ถ้ารู้จักวิธีใช้บัตรอย่างถูกต้องแล้ว มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่าคุณก็ไม่ต้องเป็นหนี้เลย ดังนั้นมาเรียนรู้รายละเอียด “วิธีเลือกบัตรสินเชื่ออย่างไร ถูกใจ 3 ขั้นตอน”

สิ่งแรกคือคุณต้องเข้าใจประเภทบัตรสินเชื่อว่ามีเงื่อนไขอะไร วิธีการใช้งานเป็นอย่างไรและอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ เพื่อเลือกใช้บัตรสินเชื่อประเภทที่ตรงตามไลฟ์สไตล์ของเราที่สุด

เริ่มจากบัตรเครดิตเป็นบัตรที่ใช้รูดเพื่อชำระเงินแทนเงินสด โดยธนาคารจะกำหนดวงเงินให้ตามความสามารถในชำระหนี้ของคุณและกำหนดรอบระยะเวลาชำระเงินให้ เช่น ตัดรอบบัญชีทุกวันที่ 10 และชำระเงินภายในวันที่ 22 เป็นต้น

บัตรเครดิตนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่อยากพกเงินสดคราวละมากๆและมีวินัยทางการเงินสูง เพราะหากจ่ายเงินคืนครบจำนวนภายในวันที่กำหนดก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยซักบาทเดียว แต่ถ้าจ่ายชำระหนี้หลังวันครบกำหนดก็ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราสูงสุด 20%ต่อปีของยอดหนี้นับตั้งแต่วันที่รูดบัตรใช้จ่าย

นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตรเครดิตกดเงินสดได้แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่กดเงินเช่นเดียวกัน

ส่วนบัตรกดเงินสดทุกครั้งที่คุณใช้บัตรต้องเสียค่าธรรมเนียมกดเงินสดในอัตรา3%ของยอดเงินที่กดออกมา ซึ่งแบงก์จะกำหนดวงเงินและระยะเวลาชำระเงินให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสดอย่างเร่งด่วนและสามารถชำระเงินคืนได้เร็ว เพราะจะต้องจ่ายดอกเบี้ยอัตราสูงสุด 28% ต่อปี โดยคิดตามจำนวนวันที่เรากดเงินสดไปใช้

ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นการขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ถ้าอนุมัติก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชี และนำไปใช้จ่ายได้ทันที โดยสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินสินเชื่อสูง และระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวกว่า เช่น 12,18และ24 งวด ซึ่งสามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดๆเท่ากันได้ แต่หากจ่ายหลังวันครบกำหนดต้องจ่ายดอกเบี้ยอัตราสูงสุด 28% ต่อปี

ส่วนขั้นตอนที่สองคุณควรเปรียบเทียบบัตรประเภทเดียวกันของแบงก์ต่างๆเมื่อเลือกบัตรที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ว ก็ลองเปรียบเทียบต่อว่า แบงก์ไหนคิดดอกเบี้ยต่ำที่สุด จ่ายเงินสะดวกและมีเงื่อนไขการชำระเงินที่ช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน

และขั้นตอนสุดท้ายคุณควรตรวจสอบสิทธิประโยชน์อื่นๆเพื่อความคุ้มค่า เนื่องจากสถาบันการเงินต่างๆ มักจะร่วมกับร้านค้ามอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือบัตร เช่น การซื้อสินค้าเงินผ่อนดอกเบี้ย 0% การสะสมแต้ม การแลกของรางวัล และส่วนลดร้านค้าร้านอาหาร เป็นต้น

ทั้งนี้แม้ว่าการเลือกใช้สินเชื่อนั้นจะมีประโยชน์กับคุณแต่ในทางกลับกันก็สามารถก่อให้เกิดภาระหนี้อย่างใหญ่หลวงได้เช่นกัน หากคุณไม่ได้วางแผนทางการเงินที่ดี เพราะฉะนั้นคุณควรคำนึงถึงการใช้จ่ายแต่ละครั้ง ต้องไม่ให้มากเกินความจำเป็นจนทำให้เกิดปัญหาต่างๆทางการเงินตามมา

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 พ.ค. 2562 เวลา : 08:02:56
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:31 pm