ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 8 ราย มูลค่ารวม 7 ล้านบาท กรณีสร้างราคาหุ้น'เธียรสุรัตน์'รวมทั้งสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
ก.ล.ต.เปิดเผยการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด8 ราย กรณีทำให้สภาพการซื้อขายหุ้นบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน)หรือTSRผิดไปจากสภาพปกติของตลาดเพื่อจูงใจให้ผู้ลงทุนอื่นเข้าซื้อหรือขายตามซึ่งเป็นความผิดฐานสร้างราคาหุ้นและต้องรับโทษตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 7,008,452.48 บาท รวมทั้งสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าในช่วงระหว่างวันที่ 7 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2558 บุคคลจำนวน 8 ราย ได้แก่ (1) นายวีรวัฒน์ แจ้งอยู่ (2) นายธีระ ดีสวัสดิ์ (3) นายสุรพล สุดหอม (4) นางสาวสุพัชรี (ชื่อเดิม สิริรักษ์) จักรวิธานนิเทศ (5) นายสิทธวีร์ พิชญเรืองกิตติ์ (6) นายวัชรชัย วัชรธรรม (7) นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ และ (8) นางกนกวรรณ พรทรัพย์อนันต์ ได้ร่วมกันสร้างราคาหุ้นTSR โดยทำให้ราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 6.30 บาท เป็นราคา 9.70 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 54และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้นายวีรวัฒน์กับนายสิทธิชัยซึ่งต่างเป็นตัวการร่วมได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยมีพฤติกรรมปิดบังอำพราง เพื่อมิให้ตรวจพบการกระทำความผิดด้วยการจัดหาและใช้บัญชีหลักทรัพย์ของตนเองและของผู้กระทำความผิดอื่นสลับกันเข้าซื้อขายหุ้นTSR ในลักษณะอำพรางให้บุคคลอื่นหลงผิดเกี่ยวกับสภาพการซื้อขายหุ้น TSR และต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน (54 วันทำการ) เพื่อจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าซื้อหรือขายตาม นอกจากนี้ นายวีรวัฒน์ยังมีพฤติกรรมปกปิดแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น TSR ในบัญชีของบุคคลลำดับที่ (2) - (5)และมีนายวัชรชัยช่วยเหลือในการจัดการฝากถอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นTSR ของบัญชีหลักทรัพย์ภายในกลุ่ม ขณะที่นายสิทธิชัยได้ซื้อขายหุ้น TSR ในบัญชีของนางกนกวรรณซึ่งเป็นภรรยา
การกระทำดังกล่าวข้างต้นของบุคคลทั้ง 8 ราย เป็นความผิดหลายมาตราแห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์*(พ.ร.บ. หลักทรัพย์)และเป็นความผิดที่สามารถดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งได้ คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง(ค.ม.พ.)จึงมีมติให้ก.ล.ต.นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 8 ราย โดยกำหนดให้นายวีรวัฒน์ชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวน 500,000 บาท อันเป็นจำนวนค่าปรับทางแพ่งขั้นต่ำตามกฎหมาย และให้นายสิทธิชัยชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวน 4,508,452.50 บาท ส่วนผู้กระทำความผิดที่เหลือชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 333,333.33 บาท
ทั้งนี้หากผู้กระทำความผิดทั้ง 8 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ.กำหนดก.ล.ต.จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
การที่ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดทั้ง 8 ราย เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดทั้ง8ราย เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2560ด้วย โดยก.ล.ต.จะพิจารณาเมื่อบุคคลทั้ง 8 ราย เข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
ข่าวเด่น