สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีเริ่มอ่อนตัวลงมาต่อเนื่องและลงมาเล่นต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย10 วันที่ระดับ 1,618 จุดแล้ว ในขณะที่ท้ายตลาดในรอบสัปดาห์เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาพอสมควรก่อนดีดกลับขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ในที่สุดเกิดเป็นสัญญาณคล้ายโดจิ ทำให้แนวโน้มดัชนียังพอมีลุ้นพลิกกลับขึ้นต่อได้
หากวันนี้(4มิ.ย.)ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,618 จุดอีก ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่าน 1624 จุด ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 1632 จุดอีกครั้ง โดยมีแนวต้านรอบนี้แถวๆ 1,638-1,643 จุด
ส่วนหุ้นรายตัวที่น่าจับตาและพอลงทุนได้ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ TPCH มีแนวรับที่ 9.75 บาท โดยมีแนวต้าน 9.90 , 10.10 บาท เนื่องจากระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้ง หลังจากถูกขายทำกำไรไปในวันก่อนหน้าแต่ไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ทำให้วันนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่และ MACD ที่กำลังดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์ใน 1-2 วันนี้
จับตามองวันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 9.75 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับผ่าน 9.90 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 10.10 บาทต่อไป
ตามมาด้วยหุ้นCBG ซึ่งมีแนวรับ 66.00 บาท และมีแนวต้าน 70.25 บาท โดยระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพักตัวไปในวันก่อนหน้าท่ามกลางวอลุ่มขายมีปริมาณเล็กน้อย ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมายืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้และวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีลุ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์อีกด้วย
สำหรับวันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าแถวๆ 66.00 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high แถวๆ 70.25 บาทต่อไป
และหุ้น GFPT ซึ่งมีแนวรับ 15.80 บาท โดยมีแนวต้าน 16.00 , 16.30 บาท ระดับราคาหุ้นสามารถดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์และกำลังมีลุ้นผ่านขึ้นทำ New high ท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นพอสมควร
ดังนั้นถ้าวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 15.80 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นผ่านขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 16.30 บาทต่อไป
ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 12.00 น ของวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,293.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,284.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 9.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังคงได้รับปัจจัยบวกจากความไม่ชัดเจนของสงครามการค้า
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,274.95-1,293.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเริ่มต้นสัปดาห์ทองคำปรับตัวลงจากประเด็นสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังข่าวว่าประเทศอิตาลีอาจถูกสหภาพยุโรปปรับเงิน หลังมีหนี้สินและยอดขาดดุลสูงเกินที่สหภาพยุโรปกำหนด กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวแต่ราคาทองคำกลับมาดีดตัวขึ้นได้ในช่วงปลายสัปดาห์เช่นเคย หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงตึงเครียด ถึงแม้สหรัฐและจีนอาจจะได้พบกันในการประชุม G20 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
แต่ในช่วงนี้ยังมีข่าวที่ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กัน โดยล่าสุดจีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐและมีแนวโน้มที่จีนอาจจะใช้แร่หายาก ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาวุธสงคราม สมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้า เป็นตัวต่อรองกับสหรัฐที่มีบริษัทในประเทศจำเป็นต้องใช้แร่เหล่านี้มากเป็นอันดับต้นของโลก เพื่อผลิตสินค้าออกมาขาย ส่งผลให้เกิดแรงซื้อทองคำในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว โดยเปลี่ยนแปลงแข็งค่าขึ้น 0.05 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.780 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.830 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 31.73-31.88
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้น ราคาแกว่งตัวออกข้างได้มาพอสมควรและเริ่มทดสอบแนวต้านสำคัญแถว 1,295-1,300 ดอลลาร์ ซึ่งหากทะลุขึ้นไปได้จะมีเป้าหมายถัดไปบริเวณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ซื้อเก็งกำไรตามทันทีหากทะลุเหนือแนวต้านดังกล่าว
ส่วนนักลงทุนระยะยาวยังมองเป้าหมายปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือใกล้เคียงจากที่เคยสะสมซื้อมาบริเวณต่ำกว่า 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำสะสมเพิ่มหากย่อมาต่ำกว่า 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น