ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามดีดกลับขึ้นทำNew highต่อเนื่อง โดยขยับขึ้นมาทดสอบเส้น Bollinger Top ได้แต่ไม่ผ่านทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาเล็กน้อย โดยดัชนีหุ้นยังประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ได้ที่ระดับ1,652 จุด
ส่วนในวันนี้(10 มิ.ย.)เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันจะขยับขึ้นมาแถวๆ1,649 จุด จึงสามารถใช้ช่วงดังกล่าวเป็นแนวรับระยะสั้นที่ 1,652-1,649 จุด หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหลุดกรอบดังกล่าวซะก่อน ดัชนีจึงจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อผ่านเส้น Bollinger Top ที่ 1,659 จุด จากแรงส่งของสัญญาณGolden cross ด้วยโดยมีลุ้นผ่านขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปแถวๆGAPที่เปิดเอาไว้เมื่อเดือนที่แล้วบริเวณ1665 จุด
สำหรับหุ้นรายตัวที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่WORKซึ่งมีแนวรับ 21.80-21.70 บาท และมีแนวต้าน 22.40-22.70 บาท โดยระดับราคามีการดีดกลับขึ้นมาแรง โดยผ่านขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 22.30-22.40 บาท พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ MACD มีการดีดกลับเกือบพ้นระดับศูนย์แล้ว
ในขณะที่วันนี้กำลังจะเกิดสัญญาณ Golden crossด้วยหากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 21.80-21.70 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับต่อแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 22.70 บาทต่อไป
ส่วนLITมีแนวรับ 5.55-5.50 บาทและมีแนวต้าน 5.70-5.75 , 5.85 บาท โดยระดับราคากำลังดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์อีกครั้งพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ในขณะที่ MACD กำลังมีลุ้นผ่านขึ้นยืนเหนือระดับศูนย์และมีสัญญาณ Golden cross ด้วย
ดังนั้นหากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 5.55-5.50 บาทซะก่อนระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น Bollinger Top แถวๆ 5.70-5.75 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 5.85 บาทต่อไป
ด้านBECนั้น มีแนวรับ 10.00-9.95 บาทและมีแนวต้าน 10.40 , 11.10 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์อีกครั้งพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยผ่านขึ้นไปทดสอบเส้น Bollinger Top ด้วย และปิดได้ในระดับสูงของวัน
วันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 10.00-9.95 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 10.40 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 11.10 บาทต่อไป
ส่วนตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเมื่อเวลา 12.30 น วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,333.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,305.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 27.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังคงได้รับปัจจัยบวกจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกในอนาคตอันใกล้
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,305.57-1,343.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นต่อจากปลายสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลบวกจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวย่อแต่ราคาทองคำโลกปรับขึ้น
แต่ในช่วงกลางสัปดาห์ได้รับปัจจัยบวกมากยิ่งขึ้นหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาเวล แถลงถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะได้กลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในอนาคต ทำให้ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นแรงและราคาทองคำก็ปรับขึ้นแรงต่อเนื่องด้วยซึ่งถือเป็นภาวะที่ไม่ปกติ
หากมองย้อนไปในช่วงหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์หรือซัพไพร์ม มาตรการนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE ก็ทำให้เกิดภาวะตลาดหุ้นและทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันมาแล้ว ทำให้ตลาดกลับมามีแรงซื้อคืน ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและทองคำตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว โดยเปลี่ยนแปลงแข็งค่าขึ้น 0.05 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.780 บาทต่อดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.830 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 31.73-31.88
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นจากคำแนะนำครั้งก่อน หากราคาเหนือ 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ซื้อตามทันที ราคาทองคำล่าสุดขึ้นมาบริเวณ 1,330-1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังยืนได้ในระดับสูง โดยมีแนวต้นเส้นกดแถวๆ 1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทะลุเหนือขึ้นไปได้ให้ซื้อเก็งกำไรเพิ่ม
สำหรับคนที่ขายไปแล้วก็ให้ซื้อคืนแต่หากราคาย่อหลุดต่ำกว่า 1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายทำกำไรออกไปก่อนแล้ว รอดูแนวรับ 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง
ส่วนนักลงทุนระยะยาวยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์หรือใกล้เคียง จากที่เคยสะสมซื้อมาบริเวณต่ำกว่า 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำสะสมเพิ่มหากย่อมาต่ำกว่า 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น