พอตัวเลขอายุยิ่งเดินหน้าขึ้นไปเรื่อยๆก็ยิ่งทำให้หลายต่อหลายท่านเริ่มฉุกคิดบ้างแล้วใช่ไหม
เอ! จะเกษียณตอนอายุเท่าไรดีน้า
เอ! หลังเกษียณอยากใช้ชีวิตแบบไหนหนอ
เอ! อยากทำอะไรดีอะ คิดโน้นนี่ สะระตะ
แต่ที่สำคัญที่สุดแล้วคุณเคยคิดหรือยังว่าคุณจะออกแบบชีวิตในวัยเกษียณของคุณไว้บ้างหรือยัง แล้วแบบที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนจำนวนไม่น้อยเริ่มวาดฝันไม่หนีกันมากนัก นั่นก็คือฝันถึงชีวิตในบั้นปลายคุณต้องดีและสบาย
ในทางตรงกันข้ามก็มีคนจำนวนไม่น้อยกลับไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เหตุผลที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกลและเขาเหล่านี้ยังมีเวลาอีกตั้ง 20-30 ปี เลยเรื่อยเฉื่อยขอเอาไว้อายุปลายๆเลข 4หรือขึ้นเลข 5ก่อนค่อยเตรียมตัวก็คงทัน
แม้คุณจะคิดแนวนี้ก็ไม่ใช่ผิดหรือไม่ผิด... เพราะคุณคิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟืออีกหลายปีแต่คุณต้องอย่าลืมคิดด้วยว่า คุณเองจะมีเรี่ยวแรงทำงานและมีรายได้อย่างสม่ำเสมอไปอีกนานเท่าไหร่?
และต้องอย่าลืมคิดด้วยว่าทุกคนต้องมีช่วงวัยเกษียณด้วยกันทั้งนั้นและนั่นหมายถึง“การหยุดทำงานประจำ บวกกับไม่มีรายได้หลักอีกต่อไป”
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกษียณอายุแล้วคุณจะหยุดใช้ชีวิต หยุดการใช้เงิน ทุกๆ วันที่เหลืออยู่ คุณยังต้องกินต้องใช้ ยิ่งอายุยืนยาวเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเท่านั้น
มาลองคิดดูเล่นๆ ... ถ้าคุณเกษียณตอน 60 และหากดูจากอายุขัยของญาติพี่น้องแล้ว ถัวเฉลี่ยคุณน่าจะอยู่ได้ถึงอายุ 80 ปี โอ้...เท่ากับคุณต้องใช้ชีวิตหลังเกษียณ โดยไม่มีรายได้อีกราวๆ 20 ปี
สมมติคุณมีค่าอาหาร 100 บาทต่อวัน หรือ 37,000 บาทต่อปี แสดงว่าคุณต้องเตรียมค่าอาหาร หลังเกษียณไว้สูงถึงกว่า 7 แสนบาท ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ
เมื่อคุณต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้แล้วคุณจะเอาเงินมาจากไหน เพื่อให้เพียงพอใช้ไปตลอดชีวิต
แม้อาจจะมีเสียงแว่วมาดังๆว่า ไม่เห็นต้องทำอะไรมากมาย เดี๋ยวลูกหลานก็เลี้ยงดูหรือไม่ต้องห่วง เดี๋ยวรัฐก็มีสวัสดิการมากมายมอบให้ผู้สูงอายุอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องของอนาคตแล้ว... คงไม่มีใครฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นไปตามที่คุณคาดหวังได้ทั้งหมด เพราะวันหนึ่งเกิดรัฐบาลไม่พร้อมช่วยเหลือ แถมลูกหลานก็มีภาระรัดตัว ชีวิตคุณอาจต้องเคว้งคว้าง เผชิญกับปัญหาไร้คนดูแลก็ได้
ดังนั้นท่องไว้ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ... ดีที่สุด ดังนั้นหากจะให้ช่วงบั้นปลายคุณสามารถใช้ชีวิตตามที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องหวังพึ่งพาใคร แถมมีเงินเลี้ยงชีพคุณเองได้อย่างสบายๆจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
... แล้วต้องมีเงินเท่าไหร่ จึงจะพอใช้สบายๆ ไปตลอดชีวิต จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เริ่มจาก ... ถ้าคุณจะเช็คเงินออมที่ต้องมีคร่าวๆ แบบที่ยังสามารถรักษาไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ของคุณเอาไว้ได้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯแนะลองใช้สูตรนี้
ตัวอย่างเช่นคุณตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 60 ปีและคาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอายุไปอีก 20 ปี ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายปัจจุบัน 30,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณของคุณจะเท่ากับ 21,000 บาทต่อเดือน (70% x 30,000) หรือราวๆ 252,000 บาทต่อปี
จากนั้นก็นำไปคูณกับจำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุ ซึ่งก็คือ 20 ปี นั่นหมายความว่า คุณควรมีเงินประมาณ 5,040,000 บาทตอนอายุ 60 ปี (252,000 x 20) ซึ่งก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้นหลังเกษียณแล้ว...คุณอาจมีเงินออมหรือเงินลงทุนบางส่วนที่สะสมไว้และสามารถนำมาใช้ตอนเกษียณอายุได้ โดยที่คุณคาดไม่ถึง เช่น การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือแบบบำนาญ เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมถึงเงินจากการลงทุนส่วนตัวหรือรายได้จากช่องทางอื่นๆ
แต่โดยทั่วไปเงินออมเหล่านี้ มักไม่มากพอที่จะทำให้คุณมีชีวิตที่สุขสบายหรือวิ่งตามความฝันในวัยเกษียณได้ ดังนั้น หากไม่อยากลำบากตอนแก่ก็เริ่มคิดและออกแบบชีวิตในวัยเกษียณตั้งแต่วันนี้... ว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะพอใช้ไปตลอดชีวิต
ถ้าคุณมานึกขึ้นได้ว่าต้องเก็บออมตอนอายุย่างเข้าเลข 5 เค้าลาง “โคม่า” และ “ลำบากแสนเข็ญ” คงลอยมาอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ยังไม่เกษียณเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นควรพร้อมลงมือออมให้เร็วที่สุด เพื่อความมั่งคั่งและมั่นคงของคุณเอง โชคดีนะ FOLK
ข่าวเด่น