ดัชนีหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามประคองตัวดีดกลับหลังจากปรับตัวลงแรงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน พร้อมวอลุ่มขายที่ออกมามากในช่วงบ่ายในวันก่อนหน้า โดยดัชนีมีความพยายามดีดกลับขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน แต่ไม่สามารถปิดเหนือได้ไม่มีการทำ New low ขณะที่ MACD กำลังจะลงมาตัด SIGNAL แล้ว
หากวันนี้(8 ก.ค.) ดัชนียังดีดกลับไม่ผ่านขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ10 วัน ที่ 1730-1731 จุดอีก ดัชนีน่าจะซึมลงต่อได้แถวๆ 1714 จุด หากหลุดลงไปทำ New low จะมีแนวรับถัดไปที่ 1707-1702 จุด น่าซื้อเล่นรีบาวด์ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1740 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ หุ้น AMA โดยมีแนวรับ 6.75-6.65 บาท และมีแนวต้าน 7.05-7.15,7.55 บาท โดยมีระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ MACD เริ่มดีดกลับใกล้ผ่าน SIGNAL อีกครั้ง
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 6.75-6.65 บาท ซะก่อนระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 7.05-7.15 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 7.55 บาทต่อไป
นอกจากนี้ยังมีหุ้น SPA โดยมีแนวรับ 12.80-12.70 บาท และมีแนวต้าน 13.00-13.30 บาท โดยระดับราคาพยายามดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันอีกครั้ง พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสูงมาก อีกทั้งยังผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันได้อีกด้วย ทำให้ MACD เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง
วันนี้หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 12.80-12.70 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 13.00 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 13.30 บาทต่อไป
และหุ้นGPSC ซึ่งมีแนวรับ 71.50-70.75 บาท โดยมีแนวต้าน 74.00-75.00 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้อีกครั้ง หลังจากปรับตัวลงแรงไปในวันก่อนหน้า พร้อมวอลุ่มขายที่เพิ่มขึ้นสูงมาก โดยที่ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทดสอบจุดสูงสุดเดิมแต่ยังปิดเหนือไม่ได้ ขณะที่วอลุ่มซื้อขายลดลงเล็กน้อย หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 71.50-70.75 บาทระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high แถวๆ 74.00-75.00 บาทต่อไป
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อถึงเวลา 11.30 น. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ก.ค.) โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,418.11 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,409.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 9.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ระหว่างสัปดาห์ผันผวนมากจากประเด็นสงครามการค้า
ขณะที่ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,381.79-1,436.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำโลกปรับลงในช่วงต้นสัปดาห์หลังผ่านการประชุม G20 ซึ่งได้ข้อสรุปว่า สหรัฐและจีนจะผ่อนคลายความตึงเครียดประเด็นสงครามการค้า โดยจีนก็จะกลับไปซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรของสหรัฐเช่นเดิม ซึ่งสหรัฐจะอนุญาตให้บริษัทในประเทศทำธุรกรรมกับบริษัทจีนอย่างหัวเหว่ยได้ ทำให้ราคาทองคำเจอแรงขายออกมา
อย่างไรก็ตามราคาทองคำโลกดีดตัวขึ้นไปใกล้จุดสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีอีกครั้ง บริเวณ 1,437 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากประเด็นที่สหรัฐขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากฟากกลุ่มอียูวงเงินราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและได้แรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจากสถาบัน ADP ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์
ประกอบกับดุลการค้าสหรัฐเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขาดดุลเพิ่มขึ้นหนุนให้ตลาดคาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในการประชุมครั้งถัดไป
ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สองรอบแต่ไม่มีแรงซื้อต่อเนื่อง ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาอีกระลอก จนราคาร่วงลงมาถึง 1,412 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงปลายสัปดาห์
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นต่อ โดยเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าเล็กน้อยราว 0.015 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.695 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.680 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 30.550-30.750
ส่วนคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้น กรอบเก็งกำไรจะอยู่ระหว่าง 1,380-1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนะนำให้เข้าซื้อช่วงราคา 1,382-1,408 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป้าหมายทำกำไรอยู่ในช่วง 1,428-1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนแล้วชะลอการเก็งกำไรไว้ก่อน แต่หากเกิน 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ซื้อกลับบางส่วน
สำหรับนักลงทุนระยะยาวยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นมาถึงแล้ว เป้าหมายถัดไปในปีนี้หากเฟดลดดอกเบี้ยจริงจะอยู่ 1,520-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น