สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้นในเรื่องการวิเคราะห์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการดูกราฟประกอบการลงทุน ถือเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันในหมู่นักวิเคราะห์และผู้ลงทุน แม้จะเป็นที่นิยมใช้แต่ก็เต็มไปด้วยหลักการและเครื่องมือมากมาย ซึ่งมือใหม่อย่างคุณ อาจเกิดอาการสับสนและใช้เครื่องมือผิดวิธี จนอาจทำให้ตัดสินใจลงทุนผิดพลาดได้โดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นวันนี้มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงขอแชร์และทำความเข้าใจ โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ เมื่อเข้ามาลงทุน คุณต้องรู้ "กฎ 10 ข้อ"หัดวิเคราะห์เทคนิค
สำหรับหัวใจของเทคนิคอล คือ กฎข้อแรก การวิเคราะห์"พฤติกรรม"เนื่องจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็คือ การศึกษาพฤติกรรมของคนที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ณ ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรและศึกษาพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
ซึ่งการเข้าใจพฤติกรรม คุณต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตและติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาที่นานพอ เพราะหุ้นแต่ละตัวมีปัจจัยพื้นฐานและความน่าสนใจที่แตกต่างกัน ส่งผลให้รูปแบบการเล่นและเครื่องมือที่ใช้อาจแตกต่างกัน
กฎข้อที่สอง คุณต้องรู้จักวัฎจักรของราคา เพราะการใช้เครื่องมือทางเทคนิคให้ได้ผล คุณจะต้องซื้อขายหุ้นให้ถูกที่ ถูกเวลา สามารถประเมินโอกาสที่จะเกิดจุดเปลี่ยนแนวโน้ม ในอนาคตได้อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติและวัฏจักรของราคาหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนิดนึง เพราะโดยทั่วไปแล้ววัฎจักร (Cycle) ของราคามี 4 ระยะ ได้แก่...
ระยะสะสม เพราะหลังจากราคาปรับตัวลงมามากพอสมควรแล้ว ในระยะนี้ราคาจะค่อนข้างนิ่งและราคาขึ้นลงไม่มากนัก แต่กลับมีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นมากจนผิดสังเกต
ส่วนระยะขาขึ้น โดยหลังจากที่ผ่านระยะสะสมมาได้ซักพักก็จะมีข่าวดีเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ออกมา ทำให้หุ้นตัวนี้มีแรงซื้อไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งทะยานขึ้นไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง
ระยะแจกจ่าย เมื่อราคาหุ้นขึ้นมาสูงถึงจุดที่เกินมูลค่าแล้ว นักลงทุนรายใหญ่บางกลุ่ม ถือโอกาสเทขายหุ้นตัวนี้ออกมาสวนทางกับกระแสตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาในช่วงนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆแต่มีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และระยะขาลง หลังจากที่หุ้นได้ถูกเทขายออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว หุ้นตัวนี้ก็จะเริ่มมีข่าวที่ไม่ค่อยดี(หรือดีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้) ทยอยออกมาเรื่อยๆ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อระยะสะสมมาถึง
ส่วนกฎข้อที่สาม ลงทุนตามแนวโน้ม โดยในช่วงแนวโน้มขาขึ้นนั้น ราคาจะมีโอกาสสูงขึ้นได้ง่ายกว่า ขณะที่ช่วงขาลงราคาจะมีโอกาสลงต่อสูงกว่า การกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้ถูกต้องตามแนวโน้มของวัฎจักรราคา จึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆเพราะการลงทุนที่ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มมักจะทำให้เกิดผลขาดทุนได้ง่าย
กฎข้อที่สี่ ความสำคัญของปริมาณซื้อขาย ทั้งนี้ปริมาณซื้อขายหุ้น หรือ Volume ซึ่งคือปริมาณเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายจริงในช่วงเวลานั้นจะบ่งบอกถึงน้ำหนักนัยสำคัญของทิศทางราคาได้เป็นอย่างดี เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการยืนยัน แนวโน้มว่ายังแข็งแรงดีอยู่หรือไม่ เพื่อให้ตัดสินใจซื้อขาย ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
กฎข้อที่ห้า ใช้แนวรับแนวต้านเพื่อตัดสินใจ ซึ่ง“แนวรับ” คือ ระดับราคาที่เม็ดเงินกลุ่มใหญ่ในตลาด เห็นว่าเป็นราคาที่ถูกและเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาสามารถเด้งกลับขึ้นมาได้ค่อนข้างง่าย ขณะที่“แนวต้าน” คือ ระดับราคาที่ตลาดเห็นว่าแพงเกินไปและพากันแย่งขาย ทำให้ราคาจะเคลื่อนผ่านจุดนี้ขึ้นไปต่อค่อนข้างลำบาก หากราคาสามารถวิ่งทะลุผ่านแนวรับแนวต้านเหล่านี้ได้ ราคาก็มักจะไปต่อในทิศทางนั้นอย่างมีนัยสำคัญ แนวรับและแนวต้านจึงเป็นจุดสำคัญสำหรับตัดสินใจซื้อขายหุ้น หลังจากทำการวิเคราะห์ในส่วนอื่นๆมาแล้ว
กฎข้อที่หก คุณต้องรู้จักรูปทรงของกราฟชนิดต่างๆ สำหรับ รูปทรงของกราฟ (Chart Pattern) คือ รูปแบบพฤติกรรมราคาที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ โดยปกติจะมีลักษณะคล้ายกับการนำเส้นแนวรับ แนวต้าน และแนวโน้ม มาผสมผสานกัน การทำความเข้าใจกับ Pattern แบบต่างๆจะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติการขึ้นลงของราคาหุ้นได้อย่าง ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ส่วนกฎข้อที่เจ็ด คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายช่วงเวลา เนื่องจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน (Time Frame) จะทำให้เห็นและแยกแยะถึงแนวโน้มราคาในระยะต่างๆ ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องเข้าใจ เพื่อป้องกันการเข้าซื้อขายหุ้นที่ผิดจังหวะ
กฎข้อที่แปด คุณต้องรู้ข้อจำกัดของเครื่องมือก่อนนำไปใช้งาน เครื่องมือต่างๆ ซึ่งมักมีข้อจำกัดในตัวมันเอง เช่น เครื่องมือประเภทตัวชี้วัด (Indicator) มีทั้งแบบที่เหมาะกับช่วงตลาดที่มีแนวโน้ม (Trend Following) และแบบที่เหมาะกับช่วงที่ตลาดยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจน แต่มีการเคลื่อนไหวในระดับที่มากพอ (Oscillator)
นอกจากนั้นเครื่องมือเหล่านี้ยังจำเป็นต้องนำไปใช้ ประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น แนวรับ แนวต้าน รูปทรงกราฟ และปริมาณการซื้อขายด้วย การใช้เครื่องมืออย่างผิดวิธี นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มักจะพลาดกันอยู่บ่อยๆ จึงควรระวังให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้งานเครื่องมือผิดประเภท จนส่งผลเสียต่อการลงทุนได้
กฎข้อที่เก้า คุณต้องเลือกใช้เครื่องมือเฉพาะเท่าที่จำเป็น เครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคทุกชนิด ต่างก็มีจุดแข็ง และจุดอ่อนในตัวของมันเอง นอกจากจะเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกประเภทแล้ว ยังไม่ควรใช้เครื่องมือเยอะเกินไป เพราะจะทำให้เกิดสัญญาณซื้อขายที่ซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันเอง จนไม่สามารถกำหนดกลยุทธการลงทุนที่เหมาะสมได้
และกฎข้อที่สิบ มีแผนการที่ชัดเจนอยู่เสมอ ไม่มีเครื่องมือใด สามารถบอกอนาคตได้อย่างแม่นยำ 100% ดังนั้นก่อนซื้อหุ้นทุกครั้ง เราจึงควรกำหนด“ราคาตัดขาดทุนที่ยอมรับได้” (จุด Cut loss) เอาไว้ ล่วงหน้า เพื่อรับมือในกรณีที่ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามที่ คาดการณ์ไว้และป้องกันการขาดทุนหนัก รวมถึง “ราคา สำหรับขายทำกำไร” (จุด Take Profit) เพื่อป้องกันไม่ให้ขายช้าเกินไป จนกำไรที่มีอยู่กลับกลายเป็นขาดทุน
จากกฎทั้ง 10 ข้อ ที่มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯได้แนะนำครั้งนี้ จะช่วยให้มือใหม่ทางเทคนิคอย่างคุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างถูกทิศทาง และใช้งานเครื่องมือทางเทคนิคทั้งหลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยนำพาคุณไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จในการลงทุนในที่สุด
ข่าวเด่น