สำหรับดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่สามารถปรับตัวขึ้นทำ New high ต่อเนื่อง หลังจากขยับขึ้นทำ New high เล็กน้อยที่ 1,748 จุด โดยดัชนีมีการปรับตัวลดลงแรงจากแรงขายทำกำไร
ส่งให้ดัชนีหลุดลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันที่ 1733 จุด อีกทั้งยังปิดต่ำกว่าสองเส้นดังกล่าวอีกด้วย ในขณะที่ MACD ที่หลุดลงมาตัด SIGNAL ไปแล้วพยายามจะดีดกลับแต่ก็ไม่ผ่าน
ดังนั้นวันนี้(15 ก.ค.)หากดัชนีประคองตัวยืนปิดเหนือสองเส้นดังกล่าวแถวๆ 1,733 จุดไม่ได้เป็นอย่างน้อยอีก ดัชนีน่าจะซึมลงต่อได้แถวๆจุดต่ำสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 1721 จุดต่อไป
สำหรับตัวหุ้นที่ควรจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ATP30 ซึ่งมีแนวรับ 1.44 ,1.42-1.41 บาท โดยมีแนวต้านที่ 1.49 บาท หากระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสองสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่สูงขึ้น โดยระดับราคาขยับออกมาเล่นนอกกรอบ Bollinger Top สูงมาก อีกทั้ง MACD ที่ผ่านขึ้นมายืนเหนือ SIGNAL ได้ต่อเนื่อง
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 1.44 บาท หรือเต็มที่ไม่หลุด 1.42-1.41 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นปิด GAP ต่อได้แถวๆ 1.49 บาทต่อไป
ขณะที่หุ้น ACG มีแนวรับที่ 1.55 , 1.52-1.51 บาท และมีแนวต้านที่ 1.59 บาท ซึ่งระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ หลังจากประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ในวันก่อนหน้า ทำให้ MACD กำลังมีลุ้นดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ SIGNAL ได้
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.55 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด 1.52-1.51 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 1.59 บาท ต่อไป
และหุ้น WORK นั้น มีแนวรับ 29.00 บาท และมีแนวต้าน 30.25 , 32.00 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้หลังจากอ่อนตัวลงมาติดต่อกันราวๆ 1 สัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นและ MACD ที่ยังไม่ลงมาตัด SIGNAL
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 29.00 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่าน 30.25 บาท ก่อนขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมแถวๆ 32.00 บาทต่อไป
ส่วนตลาดทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลา 15.30 น. ของเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,410.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,399.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ภาพรวมยังแกว่งในกรอบกว้างด้วยประเด็นการคาดการณ์เรื่องธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,386.43-1,426.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลงในช่วงต้นสัปดาห์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ประจำเดือนมิถุนายนของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดแต่การปรับลงยังไม่ทำจุดต่ำสุดกว่าราคาเมื่อช่วงต้นเดือน 1 ก.ค. ที่แตะไว้ที่ 1,381 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วยังไม่ขึ้นเกิน 1,439 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆมากระทบ
ราคาเคลื่อนไหวตามตัวเลขเศรษฐกิจโลกและสหรัฐที่ประกาศออกมาและแกว่งตามข่าวที่เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ โดยช่วงกลางสัปดาห์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นทันที หลังมีข่าวประธานเฟดแถลงต่อสภาราษฎรของสหรัฐว่าเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 ไม่ดีเท่าที่ควรส่งสัญญาณความเป็นไปได้ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่า โดยเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าเล็กน้อยราว 0.025 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.805 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.780 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 30.545-30.915 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กรอบเก็งกำไรจะอยู่ระหว่าง 1,380-1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนะนำให้เข้าซื้อช่วงราคา 1,382-1,408 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลงมาถึงให้เราซื้อคืนแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ เป้าหมายทำกำไรอยู่ในช่วง 1,428-1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาขึ้นมาสูงสุดเพียง 1,426.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เกือบถึงเป้าหมายแรก แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนแล้วชะลอการเก็งกำไรไว้ก่อน แต่หากเกิน 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ซื้อกลับบางส่วน
สำหรับนักลงทุนระยะยาวยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นมาถึงแล้ว เป้าหมายถัดไปในปีนี้หากเฟดลดดอกเบี้ยจริงจะอยู่ 1,520-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น