สำหรับดัชนีหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการดีดกลับในลักษณะกระโดดเปิด GAPโดยผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันขึ้นไปปิดเหนือได้ และเป็นการประคองตัวยืนในระดับสูงตลอดทั้งวัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ในขณะที่ RSI ก็เริ่มปรับตัวขึ้น น่าจะทำให้ดัชนีดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop ต่อได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นบริเวณจุดสูงสุดเดิมในรอบ 2-3 สัปดาห์อีกด้วย
หากวันนี้(22 ก.ค.) ดัชนีอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 1,730 จุดแล้วไม่หลุดปิดต่ำกว่าซะก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับแถวๆ 1,747-1,748 จุดได้ต่อไป
ส่วนสัปดาห์นี้ ตัวหุ้นที่น่าจับตามอง ได้แก่ FSMART ซึ่งมีแนวรับ 8.45 บาทแนวต้านอยู่ที่ 8.70 , 9.00 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5วันได้อีกครั้ง และเป็นการปิดในระดับสูงสุดของวัน หลังจากไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน โดยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นพอสมควร พร้อม MACD ที่ปรับตัวขึ้นต่อด้วย
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 8.45 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้แถวๆ 8.70 บาทก่อนทำ New high แถวๆ 9.00 บาทต่อไป
หุ้น AU มีแนวรับ 16.70,16.40 บาท โดยมีแนวต้าน 17.20,17.60 บาท มีระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นปิดได้ในระดับสูงสุดของวันหลังจากหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันเล็กน้อยในช่วงกลางสัปดาห์ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือได้ในช่วงท้ายพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นพอสมควร ในขณะที่ MACD ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องด้วย
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 16.70 บาทหรือเต็มที่ไม่หลุด 16.40 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 17.20 บาทและ 17.60 บาทต่อไป
และหุ้น CBG โดยมีแนวรับ 78.25 , 77.50 บาท และมี แนวต้าน 81.50-81.75บาท ซึ่งระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ โดยผ่านขึ้นมาเล่นนอกกรอบ BollingerTop เล็กน้อยพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นพอสมควรในขณะที่ MACD กำลังดีดกลับผ่าน SIGNAL อีกครั้ง
หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 78.25 บาทหรือเต็มที่ไม่หลุด 77.50 บาทน่าสนใจซื้อเพิ่ม และลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 81.50-81.75 บาทต่อไป
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำ เมื่อถึงเวลา10.30 น.เมื่อวันศุกร์ที่ 19ก.ค.2562 ที่ผ่านมา ราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,443.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าโน้นอยู่บริเวณ 1,415.30ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นถึง 28.13ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ช่องแคบเฮอมุส
โดยราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,400.20-1,452.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่อตัวเล็กน้อยหลังตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่การย่อของราคาทองคำยังไม่หลุดต่ำกว่า 1,400ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้น เริ่มต้นด้วยเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ว่ายังขยายตัวได้ในอัตราที่น้อยอยู่
นอกจากนี้ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คยังให้การสนับสนุนที่เฟดควรจะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ ก่อนได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐแถลงว่า สหรัฐได้ยิงโดรนของอิหร่านที่ยังคงก่อกวนเรือรบสหรัฐที่ช่องแคบเฮอมุสแม้สหรัฐได้ส่งคำเตือนแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในเช้าวันศุกร์ทะลุแนวต้าน 1,440ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่สำคัญขึ้นมาได้
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง โดยเปลี่ยนแปลงแข็งค่าราว 0.185 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.745 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.930 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 30.735-30.945 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น หลังจากสะสมซื้อมาในช่วงราคา 1,382-1,408 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาพุ่งขึ้นทะลุเหนือแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,440ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใครที่ได้ซื้อตามเพิ่มมาหลังทะลุแนวต้านดังกล่าว ให้ถือรอดูแนวต้านถัดไปบริเวณ1,460ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ซึ่งยังมีโอกาสขึ้นไปถึงเป้าหมายใหญ่ของปีนี้ถ้าเฟดลดดอกเบี้ยจริง จะอยู่ที่ 1,520ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,436 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักเก็งกำไรระยะสั้นควรขายทำกำไรออกไปก่อนทันที แล้วรอดูจังหวะเข้าเก็งกำไรรอบใหม่อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นมาถึงแล้ว เป้าหมายถัดไปในปีนี้ หากเฟดลดดอกเบี้ยจริงจะอยู่ 1,520-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น