GBS แนะจับตาหุ้นไทย 25 ก.ค.นี้ รัฐบาลแถลงนโยบาย ชี้มาตรการกระตุ้นศก.หนุน STEC – CK– WHA – AMATA ทะยานต่อ
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือGBSมองดัชนีหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว Sideway เหตุไร้ปัจจัยใหม่ๆหนุนการลงทุน พร้อมแนะจับตาภาพรวมการลงทุน วันที่ 25 ก.ค.นี้ ต่อกรณีที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาและจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้หากทุกอย่างลงล็อค หุ้นเด่น รับอานิสงค์เต็มๆภายใต้ ค.ร.ม.ชุดใหม่ อาทิ STEC, CK, STPI, SEAFCO, WHA, AMATA, ROJNA, ORI และ ATP30
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่าดัชนีทิศทางตลาดหุ้นไทย ในขณะนี้ยังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideway เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนการลงทุนในขณะนี้ แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ มุมมองในเชิงบวกต่อภาคการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ค. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงกรณีเครื่องมือ Fed Watch ที่บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 100% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%-0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.
ในขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งของอังกฤษ ขณะแล่นเข้าสู่น่านน้ำของอิหร่าน รวมทั้ง “ฟิทช์ เรทติ้งส์" ปรับมุมมองประเทศไทยจาก "Stable" เป็น "Positive" ซึ่งปัจจัยดังกล่าวไม่มีน้ำหนักต่อการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน ทีผ่านมา หดตัว 2.15% ส่งผลให้ตัวเลขในรอบ 6 เดือนของปี 2562 การส่งออกลดลง 2.91% ส่วนแนวโน้มส่งออกในไตรมาส 3/2562 คาดว่าจะต่ำสุดจากผลกระทบของสงครามการค้า
“ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์แกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่หนุนตลาด นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนปัจจัยในประเทศจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และติดตามผลประกอบการหุ้นกลุ่มพลังงานที่จะทยอยประกาศออกมา คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,724-1,745 จุด”
นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าแม้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังคงทรงตัวในกรอบแคบๆแต่นักลงทุนก็ยังคงต้องจับตาปัจจัยในต่างประเทศที่จะเป็นตัวแปรด้านการลงทุนในขณะนี้จนถึงสิ้นเดือน ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือน พ.ค. ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ค.จากเฟดริชมอนด์อียู เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.ที่จะมีการประกาศออกมาในวันที่ 23 ก.ค.นี้
รวมถึงเรื่องที่ อียู จะออกมาเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-บริการขั้นต้นเดือน ก.ค.จากมาร์กิต ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในวันที่ 24 ก.ค. หรือแม้แต่การเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล ภายใต้ครม.ชุดใหม่ ต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 ก.ค. และในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จะแถลงดัชนีอุตสาหกรรม
ขณะที่นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ได้วิเคราะห์หุ้นน่าลงทุน ในช่วงที่ดัชนีหุ้นยังคงทรงตัว โดยให้น้ำหนัก ไปยังหุ้น Mid&Small เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการ 2Q19 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ดังนั้นจึงแนะทุน VL, AMA, TACC, JUBILE, SABINA และ NER นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ อาทิ STEC, CK, STPI และ SEAFCO ในขณะที่หุ้นกลุ่มเดินเรือ อย่าง TTA, PSL และ RCL เป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตา พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัย ยังมีมุมมองเชิงบวกที่จะได้อานิสงส์ EEC เราจึงยกให้ WHA AMATA ROJNA ORI ATP30 เป็นหุ้น Theme EEC play ที่น่าลงทุน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กแนะให้นักลงทุนหาจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมองว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ $1,410-1,440 /Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 20,510-20,990 บาท พร้อมทั้งมองว่า ราคาทองคำอ่อนตัวลง เนื่องจากบริษัทจีนเตรียมนำเข้าสินค้าเกษตร จากสหรัฐเพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงสงครามการค้าเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ข่าวเด่น