กองทุนรวม
บลจ.ไทยพาณิชย์ เพิ่มทุนกอง SCBPIN เป็น 10,000 ล้านบาท รองรับความต้องการล้น


บลจ.ไทยพาณิชย์ เพิ่มทุนกอง SCBPIN เป็น 10,000 ล้านบาท รองรับความต้องการล้น ชี้ REITs ไทย – สิงค์โปร์ เป็นทางเลือกสร้างผลตอบแทน ช่วยลดเสี่ยงจากความผันผวน 


 
 
 
 
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (SCBPIN) ชนิดสะสมมูลค่าและชนิดจ่ายเงินปันผลเป็น 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่จดทะเบียนไว้ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสิงค์โปร์ เนื่องจากได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุน จึงได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว

ทั้งนี้กองทุน SCBPIN มีกระบวนการลงทุนโดยการคัดเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REITs ภายใต้กรอบการลงทุนคือ High Cash flow, High EPS Growth และ High Dividend Yield โดยมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดไทยประมาณ 44% สิงคโปร์ประมาณ 47% และเงินฝากหรือสินทรัพย์อื่นอีกประมาณ 9% (ข้อมูล ณ 26 ก.ค. 2562) ปัจจุบันกองทุนได้มีการเสนอขาย 2 share class คือ ชนิดสะสมมูลค่า - SCBPINA และชนิดจ่ายเงินปันผล - SCBPIND โดยทั้ง 2 กองทุนมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 22.21% (ข้อมูล ณ 30 ก.ค. 2562) 

 
 
 
 
 
นางนันท์มนัส กล่าวว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในตลาดไทย (Thai REIT) และสิงคโปร์ (Singapore REIT) ปรับตัวขึ้นมา 23.16% และ 17.79% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 25 ก.ค. 2562) จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและท่าทีของธนาคารกลางประเทศต่างๆ มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้น ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ปรับตัวจาก 2.51% ลงมาที่ 1.95% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวจาก 2.68% ลงมาที่ 2.06% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสิงคโปร์ 10 ปี ปรับตัวจาก 2.04% ลงมาที่ 1.95% ซึ่งการที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำจึงทำให้สินทรัพย์ประเภท REITs ได้รับความน่าสนใจมากขึ้น

แม้ว่าผลตอบแทนทั้งตลาดไทยและสิงคโปร์จะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงแต่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ REITs ก็ยังคงเป็นหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ เนื่องจากสามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันที่สม่ำเสมอ และมากกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยปัจจุบัน Thai REIT และ Singapore REIT มีอัตราเงินปันผลสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ 3.2%  และ 2.5% ตามลำดับ จึงมองว่าตราสารกลุ่ม REITs จะยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกแต่จะไม่ร้อนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา   

ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ส.ค. 2562 เวลา : 15:53:47
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:26 am