เชื่อว่าผู้ลงทุนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ต่างก็มีพอร์ตหุ้นหลักถือกันอยู่ในมือ ซึ่งเป็นพอร์ตการลงทุนซื้อขายตามใจฉัน หรือตามความเชื่อของแต่ละบุคลเป็นหลัก เช่นผู้ลงทุนสไตล์แนวปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental หรือ Value Investing) หรือผู้ลงทุนที่ชื่นชอบแนวเทคนิคคอล (Technical) โดยการลงทุนเน้นดูกราฟเป็นหลักหรือผู้ลงทุนแนวโมเมนตัม ดูฟันโฟลว์
ทั้งนี้การลงทุนในพอร์ตหลักนี้จะเรียกกันว่า Active Investment หรือ การลงทุนแบบแอคทีฟ ซึ่งการซื้อขายมีการตัดสินใจโดยคุณเอง อาจจะมีกรอบระยะเวลาหวังผลในระยะเวลาไม่นาน บางช่วงคุณอาจถือหุ้นเต็มมือ หรือบางช่วงคุณอาจมีการเปลี่ยนไปถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ ตามสถานการณ์ที่คุณตัดสินใจ
แต่มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขอบอกว่า ยังมีการลงทุนอีกแบบที่ขอเชียร์ให้คุณที่มีรายรับทุกเดือน เริ่มลงทุนพอร์ตออมหุ้น ซึ่งจัดเป็น Passive Investment หรือ การลงทุนแบบไม่ต้องซื้อขายบ่อยๆ
การลงทุนในรูปแบบนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯย้ำว่าเป็นการลงทุนที่ง่าย อาศัยวินัยและใจมั่นคง สร้างพอร์ตแบบรวยผ่อนส่งไปเรื่อยๆ ทยอยออมเงินลงทุนทุกเดือน เปลี่ยนแปลงเงินออมเหล่านั้นจากเงินสด มาเป็น หุ้นพื้นฐานดี มีอนาคตและเป็นการทยอยซื้อหุ้นทางเดียวไปเรื่อยๆทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินที่คุณสะดวกใจและนี่ก็คือ “การออมในหุ้นภาคปฏิบัติ”
แน่นอนว่าเมื่อถึงวัยเกษียณ “พอร์ตออมหุ้น”จะเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่สร้างความภาคภูมิใจว่า คุณในฐานะคนธรรมดาๆ ไม่ต้องรวย ก็มีพอร์ต 7 หลัก 8 หลัก 9 หลักกับเค้าได้
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พอร์ตออมหุ้น ประสบความสำเร็จอย่างสุดยอดได้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกตรงๆ เลยว่า มี 3 ข้อ คือหลักๆ ใส่เงินออมหุ้นแต่ละเดือนมากกว่า... พอร์ตโตไวกว่า
ระยะเวลาที่ออมยาวนานกว่า... พอร์ตจะโตกว่า
ฝีมือการเลือกหุ้นได้ถูกต้อง กิจการโตในระยะยาวได้มากกว่า... พอร์ตจะโตกว่า
คุณคงสงสัยว่า แล้วคุณจะเลือกหุ้นได้ยังไง? ง่ายๆเพียงคุณก็ควรเลือกหุ้นที่คุณมั่นใจว่า หุ้นตัวนั้นๆจะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับการเลือกซื้อหุ้น“ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีก ห้างขายวัสดุ”หุ้นกลุ่มนี้ คุณสังเกตดูว่ามีการขยายสาขาไหม เพราะการขยายสาขา ทำให้รายได้เพิ่ม มีการเพิ่มขอดขายในสาขาเดิมก็จะเป็นปัจจัยทำให้รายได้เพิ่ม
ส่วนกลุ่ม “โรงพยาบาล” กลุ่มนี้คุณควรดูที่การขยายสาขา คือ รายได้เพิ่ม การเทคโอเวอร์ โรงพยาบาลอื่นก็เป็นการสร้าง Economy of Scale เพราะจะลดต้นทุนและรายได้เพิ่ม การขึ้นราคา ค่ารักษา รักษาโรคซับซ้อนได้เก่งขึ้น ก็คือรายได้เพิ่ม
ขณะที่กลุ่ม“ประกันชีวิต”เนื่องจากคนไทยหันมาทำประกันชีวิต เพื่ออนาคตมากขึ้นก็ทำให้บริษัทประกันมีรายได้เพิ่ม ฐานเบี้ยรับใหญ่มาก ทำให้บริษัทนำเงินบางส่วนเอาไปลงทุนเพื่อให้ได้ดอกผล ซึ่งก็ทำให้รายได้เพิ่มเช่นกัน
ธุรกิจ“ท่องเที่ยว”ก็จะได้รับอนิสงส์จากการมีคนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ก็ทำให้สนามบินมีรายได้เพิ่ม ธุรกิจโรงแรมและอาหารก็จะมีรายได้เพิ่ม
จากนั้นคุณก็เลือกเอาหุ้นของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมข้างต้นนี้ มาสร้างเป็นพอร์ตการลงทุน แล้วบอกบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าคุณจะออมหุ้นเดือนละกี่บาท ออมหุ้นอะไรบ้าง ตัวละกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต เช่น ออมหุ้น 5 ตัว ลงทุนตัวละ 20% ของเงินรายเดือน โบรกเกอร์จะตัดเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของเราทุกเดือน เพื่อออมหุ้นตามแผนที่เรากำหนดไว้
การทยอยซื้อออมหุ้นทางเดียว คุณควรดำเนินต่อไปเรื่อยๆและคุณก็อย่าลืมทบทวนรายชื่อหุ้นในพอร์ตปีละครั้ง ว่าหุ้นทุกตัวยังมีแนวโน้มการเติบโตระยะยาวดีอยู่หรือไม่
กรณีที่คุณพิจารณาแล้ว หากมีหุ้นตัวไหนไม่ดี พื้นฐานเปลี่ยน หรือคุณพบตัวที่ดีกว่า คุณสามารถเปลี่ยนตัวหุ้นลงทุนได้ เพื่อเป็นการปรับพอร์ตของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นี่คือการออมในหุ้นภาคปฏิบัติ ออมเงินทุกเดือนในรูปแบบของหุ้น ปรับพอร์ตทุกปีเพื่อให้หุ้นในพอร์ตเป็นหุ้นที่มีคุณภาพมากที่สุดและเป็นหุ้นที่ดีที่สุด ถ้าคุณมีรายได้เพิ่ม มีเงินเดือนเพิ่มก็ควรออมเพิ่มขึ้น
หัวใจสำคัญของการออมในรูปแบบนี้ คือ การออมไปเรื่อยๆไม่เหนื่อย ไม่พัก ที่เหลือปล่อยให้ “พลังแห่งการทบต้น” ทำหน้าที่ของมันยาวๆๆ ไปนะจะบอกให้
ข่าวเด่น