ดัชนีหุ้นปรับตัวลงแรงในลักษณะกระโดดเปิด GAP ในช่วงวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายในที่มีเหตุวางระเบิดป่วนเมืองหลายจุดติดต่อกันหลายวัน ส่วนปัจจัยภายนอกกรณีทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 10% มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ปัจจัยเหล่านี้กดดันให้ดัชนีบ้านเราลงไปทำ New low ในรอบกว่า 1 เดือนและหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันแถวๆ 1,681 จุดเรียบร้อยแต่ยังสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือได้ในช่วงปิดตลาด
หากวันนี้ (5 ส.ค.) ดัชนีหุ้นประคองตัวปิดเหนือระดับ 1,681 จุด ไม่ได้เป็นอย่างน้อยอีก ดัชนีอาจจะลงต่อได้แถวๆ 1,665-1,663 จุดต่อไป ในขณะที่แนวต้านอยู่แถวๆ 1,694 จุด
ส่วนหุ้นรายตัวที่แนะนำให้จับตามดูในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น TTW มีแนวรับที่ 13.60 บาท มีแนวต้านที่ 13.80 , 14.00 บาท โดยระดับราคามีการดีดกลับขึ้นมาสวนตลาด โดยสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้และเป็นการปิดได้ในระดับสูงสุดของวัน ในขณะที่ MACD กำลังดีดกลับใกล้พ้นระดับศูนย์แล้ว
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 13.60 บาทอีก ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่าน 13.80 บาทขึ้นไปทดสอบ 14.00 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 1 เดือนแถวๆ 14.40 บาทต่อไป
ส่วนหุ้น KBANK จะมีแนวรับ 175.50 , 174 บาท มีแนวต้าน 179 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ต่อเนื่อง โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ ในขณะที่ MACD ยังอยู่ต่ำกว่าศูนย์แต่พร้อมดีดกลับพร้อม RSI ที่เริ่มดีดกลับเล็กน้อยแล้ว
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 175.50 บาทซะก่อนหรือเต็มที่ไม่หลุด 174 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 179.00 บาทต่อไป
ขณะที่หุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าจับตามองคือ หุ้น SISB ซึ่งมีแนวรับ 7.40 , 7.30-7.25 บาท แนวต้าน 7.65, 7.90-7.95 บาท ระดับราคายังดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 75 วันได้ในช่วงบ่ายหลังจากหลุดลงไปทำ New low เล็กน้อยในช่วงเช้าท่ามกลางภาวะตลาดที่มีปัจจัยลบมากมาย
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 7.40 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุดลงไปต่ำกว่า 7.30-7.25 บาทอีก ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นผ่าน 7.65 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบ 7.90-7.95 บาทต่อไป
ส่วนบรรยากาศการตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 11.45 น วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,432.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,418.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นถึง 14.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับขึ้นแรงช่วงปลายสัปดาห์หลังประธานาธิบดีสหรัฐส่งสัญญาณเพิ่มความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้ากับจีน
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,400.50-1,448.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกปรับตัวลงทันที หลังตลาดผิดหวังที่คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐที่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ตลอดเดือนที่ผ่านมาที่คาดว่าจะปรับลดลง 0.50% ทำให้เกิดแรงขายในทองคำออกมา
อย่างไรก็ตามราคากลับมาดีดตัวขึ้นแรงอีกครั้งหลังประธานาธิบดีสหรัฐขู่จีนผ่านทางทวีตเตอร์ว่าสหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% มูลค่าราว 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจีนไม่ทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ในการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐและอื่นๆ ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปเกือบ 1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะย่อตัวในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์แต่ยังยืนเหนือ 1,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าลงเล็กน้อยโดยเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าราว 0.015 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.875 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.860 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 30.675-30.925
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้น เราได้แนะนำให้ทยอยซื้อคืนรอบใหม่แถวๆ 1,395-1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งน่าจะได้ของมาแล้ว หรือซื้อตามทันทีหากราคาปิดสูงกว่า 1,418 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งบางท่านก็น่าจะได้ของเช่นกันในการซื้อตาม ซึ่งราคาเป้าหมายอยู่บริเวณ 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป แต่หากปิดหลุด1,416 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายทิ้งทันที
สำหรับนักลงทุนระยะยาวยังมองเป้าหมายในปีนี้ 1,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นมาถึงแล้วเป้าหมายถัดไปในปีนี้หากเฟดลดดอกเบี้ยจริงจะอยู่ 1,520-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น