หากคุณเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น สิ่งที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ นั่นก็คือ อาการตลาดหุ้นผันผวน เพราะตั้งแต่ตลาดหุ้นเปิดทำการมาจนถึงทุกวันนี้ หุ้นมีความผันผวนมาโดยตลอด ซึ่งในบางปีก็บวกมากกว่า 100% และในบางปีก็ติดลบเกือบ 50% ซึ่งแน่นอนว่า ตลาดหุ้นก็จะยังคงอาการผันผวนขึ้นและลงเช่นนี้ต่อไปอีกในอนาคต
อย่างไรก็ดี แม้หุ้นจะมีความผันผวน หรือมีความเสี่ยงมากแค่ไหน แต่ “หุ้น” ก็ยังคงมีเสน่ห์ คุณจึงต้องมีหุ้นอยู่ในพอร์ตการลงทุนเสมอ นั่นเป็น เพราะข้อมูลในอดีตย้อนหลังกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ดึงดูดใจมากกว่าการฝากเงิน หรือการซื้อตราสารหนี้ แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าก็ตาม
ดังนั้นผู้ลงทุน และคุณ จึงมองข้ามความเสี่ยงเหล่านี้ไป และจัดสรรเงินลงทุนในหุ้นชนิดที่เรียกว่า “มากเกินไป” ไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง สุดท้ายเมื่อตลาดผันผวน ไม่สามารถปรับพอร์ตได้ทัน ก็จบลงด้วยการขาดทุนมหาศาล เข็ดขยาดตลาดทุนไป อีกนาน
ดังนั้น คำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอสำหรับการลงทุนในหุ้น คือ จะซื้อหุ้นได้หรือยัง หรือควรขายหุ้นออกไหม หรือควรจะถือเงินสดทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยหรือไม่ แล้วจะมีกลยุทธ์การลงทุนแบบใด ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ต ให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวตามที่ตั้งใจไว้
แถมยังมีโอกาสเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงสั้นๆ ได้ด้วย Core-Satellite Strategy คือ คำตอบ
มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอชี้ให้เห็นว่า เพราะเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบยืดหยุ่นที่ จัดสรรการลงทุน ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาว และแสวงหาโอกาสในการลงทุนช่วงสั้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคุณก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวคุณเองได้เช่นกัน
กลยุทธ์ลงทุนนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขอแบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ Core หรือ ส่วนหลัก
ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่ราวๆ 60-70% จะอยู่ในส่วนนี้ โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนมีมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในระยะยาว และมีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาฯ หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (REITs) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คาดหวัง ทั้งในรูปของกำไร ดอกเบี้ย เงินปันผล และค่าเช่า เป็นการลงทุนอย่างมีวินัย และมีความเสี่ยงที่เหมาะสมกับคุณ
ส่วนเงินลงทุนอีก 30-40% จะอยู่ในส่วนของ Satellite หรือส่วนเสริม โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรในระยะกลางถึงสั้น ซึ่งคุณสามารถเน้นน้ำหนักลงทุนไปยังกลุ่มหลักทรัพย์ ที่พบว่ามีโอกาสที่ดีในการลงทุน เช่น ในภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น น้ำมันมีราคาแพง นักลงทุนอาจเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน พลังงานทดแทน หรือทองคำ พูดง่ายๆ คือ เป็นการลงทุนตามอารมณ์ของตลาด เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรในช่วงสั้นๆ
สิ่งสำคัญในกลยุทธ์การลงทุนแบบ Core-Satellite ก็คือ การ Rebalance เงินระหว่างส่วน Core กับส่วน Satellite เช่น ถ้าช่วงไหน Satellite หรือส่วนเสริมทำได้ดีและเติบโตจนสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกินกว่าสัดส่วนการลงทุนเริ่มต้น (เกิน 30-40% ของพอร์ตทั้งหมด) นักลงทุนสามารถขายทำกำไร และนำเงินกลับไปลงทุนในส่วนของ Core หรือส่วนหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้
ดังนั้น พอคุณมาจัดพอร์ต โดยใช้ Core-Satellite Strategy เป็นกลยุทธ์จัดพอร์ตที่เหมาะกับทุกสภาพตลาด แถมยังช่วยสร้างโอกาสให้คุณมีผลตอบแทนโดยรวมที่ดีในระยะยาว บริหารพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แล้วคุณลองนำกลยุทธ์นี้ ไปปรับใช้กับการลงทุนของคุณดูว่าดีจริงไหม
ข่าวเด่น