ดัชนียังสามารถดีดกลับขึ้นมาได้หลังจากหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นการดีดกลับหลังจากเกิดสัญญาณโดจิ โดยดัชนีสามารถรีบาวด์ กลับขึ้นมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1,625 จุดและปิดเหนือได้ โดยที่ดัชนียังปิดได้ในระดับสูงของวันอีกด้วย
โดยมีโอกาสที่วันนี้(19ส.ค.) ดัชนีจะปรับตัวขึ้นต่อได้ หากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันซึ่งวันนี้จะอ่อนตัวลงมาแถวๆ 1,621 จุดซะก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,642 จุด ก่อนขยับขึ้นปิด GAP และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,649 จุดต่อไป
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น AMA ซึ่งมีแนวรับ 7.20 บาท และมีแนวต้าน 7.60 , 8.15 บาท โดยระดับราคาสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ หลังจากอ่อนตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมในรอบ 2 สัปดาห์ เกิดเป็นสัญญาณ Double Bottom ในขณะที่ MACD ที่หลุดลงมาต่ำกว่าศูนย์เล็กน้อยกำลังมีลุ้นดีดกลับขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากหลุดลงไป 2 วัน
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 7.20 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 7.60 บาทและ 8.15 บาทต่อไป
ส่วนหุ้น TQM ซึ่งมีแนวรับ 44.00-43.50 บาท และมีแนวต้าน 45.50-45.75 ,49.25 บาท โดยมีระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ ทำให้ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือระดับศูนย์ได้อีกครั้งหลังจากหลุดลงไป 2 วัน อีกทั้งยังดีดกลับขึ้นมาทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 2 สัปดาห์ได้อีกด้วย
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 44.00-43.50 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 45.50-45.75 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 49.25 บาทต่อไป
ด้านหุ้น VL โดยมีแนวรับ 1.54-1.51 บาท และมีแนวต้าน 1.58-1.61 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้ อีกทั้งยังทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์ แม้ว่าจะยังปิดเหนือไม่ได้ ในขณะที่ MACD กำลังมีลุ้นดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1.54-1.51 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 1.58-1.61 บาทต่อไป
ส่วนภาวะตลาดทองคำ สัปดาห์ที่ผ่านเมื่อเวลา 12.00 น วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,521.33ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเว 1,497.18ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นถึง24.15ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับขึ้นแรงต่อหลังตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังธนาคารกลางต่างๆทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยและบางช่วงตลาดเกิดสภาวะพันธบัตรดอกเบี้ยระยะยาวต่ำกว่าดอกเบี้ยระยะสั้น (Inverted Yield Curve)
โดยราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,480-1,534.08ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ หลังสงครามการค้าเริ่มทุเลาลง ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยปรับลงจนใกล้แนวรับที่เราให้ไว้แถว 1,475ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับขึ้นแรงอีกครั้งหลังตลาดหุ้นสหรัฐติดลบกว่า 800 จุดในช่วงกลางสัปดาห์
เนื่องจากตลาดยังกังวลจากความยืดเยื้อของสงครามการค้าที่กระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก จนต้องลดดอกเบี้ยกันหายประเทศ และทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี (inverted yield curve) ซึ่งสภาวะแบบนี้ 5 ใน 7 ครั้งหลังสุดจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย จึงทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับมาอีกครั้งจนทองคำพุ่งเหนือ 1,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะย่อตัวลงมาบ้างหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐปลายสัปดาห์เริ่มออกมาดีกว่าคาดและตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มกลับมาบวกได้
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่าลงต่อ โดยเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าราว 0.095 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.885 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.790 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 30.745-30.885
ดังนั้นคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เราได้ทองคำรอบล่าสุดแถว 1,395-1,410ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือได้ซื้อเพิ่มตามทันทีหากราคาปิดสูงกว่า 1,418ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ราคาวิ่งทะลุเป้าหมายแรก 1,460ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปแล้ว ซึ่งราคาขึ้นไปถึงเป้าหมายใหญ่ของปีนี้ที่ให้ไว้บริเวณ 1,520-1,535ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ถือทองคำต่อไป โดยเป้าถัดไปอยู่ที่ 1,565 เดอลลาร์ต่อออนซ์
ในกรณีขายทองคำออกไปแล้ว แนะนำรอซื้อคืนบริเวณ 1,480-1,505ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,480ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายทิ้งอออกไปก่อนแล้วรอดูรอบใหม่ โดยเป้าหมายของปีนี้ยังอยู่ที่เดิมบริเวณ 1,520-1,535ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนเหนือบริเวณเป้าหมายได้ ยังมีโอกาสขึ้นไปถึง 1,565ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกเป็นเป้าถัดไป
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายของปีนี้ยังอยู่1,520-1,535ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น