“เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”เปิดกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ ชี้ธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศอิสราเอลน่าสนใจมาก มองธุรกิจพัฒนารวดเร็ว มีศักยภาพการเติบโตสูงและนักลงทุนทั่วโลกสนใจเข้าไปลงทุน เชื่อให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดี
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือASPกล่าวว่ากระแสการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังมาแรงต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี บริษัทจึงได้จัดสัมมนา Investment in Digital Era ขึ้น เพื่อเปิดมุมมองกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอลให้กับลูกค้ารายใหญ่ของเอเซีย พลัส
งานสัมมนา Investment in Digital Era จัดขึ้นเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาโดยมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นกลุ่ม High Net Worth รวมทั้งทายาทและลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่กว่า130 คนเข้าร่วมงาน
“ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราเองได้ไปลงทุนในสตาร์ทอัพของอิสราเอลผลตอบแทนที่ได้ถือว่าดีมาก เรามองว่าธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอลยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีก จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะแชร์ข้อมูล กลยุทธ์การลงทุนให้กับลูกค้าของเรา เพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น” ดร.ก้องเกียรติกล่าว
ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่าธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอลน่าลงทุนมาก เนื่องจากอิสราเอลเป็นชาติแห่งสตาร์ทอัพ (Startup Nation)ซึ่งมีนโยบายที่สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ใหม่ๆ จนขณะนี้กลายเป็นวัฒนธรรมของอิสราเอลไปแล้ว (Innovation Culture)และมีสตาร์ทอัพเกิดขึ้นใหม่ปีละประมาณ 1,000 แห่ง หรือในทุกๆ 8 ชั่วโมง รวมทั้งถูกยกให้เป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตด้านนวัตกรรมเป็นอันดับ 1 ในปี 2562จากการจัดอันดับประจำปีของ World Competitiveness Ranking
อิสราเอลยังมีเทคโนโลยีที่โดดเด่นมีคุณภาพด้านการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนา R&D เป็นศูนย์รวมของนวัตกรรมจะเห็นได้ว่ากว่า 350 ธุรกิจชั้นนำทั่วโลกมีศูนย์วิจัย พัฒนาและการผลิตอยู่ที่อิสราเอล และยังมีสตาร์ทอัพครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน สุขภาพ พลังงานทดแทน เทคโนโลยีเชิงอุตสาหกรรม และการเกษตร เป็นต้น
“บริษัทจากทั่วโลกเข้าไปลงทุนในอิสราเอลถึง 33% ซึ่งสูงกว่าการลงทุนของทั่วโลกที่มีสัดส่วน 20% ที่น่าสนใจมากคือ อิสราเอลมีมูลค่า Exit ในปีที่แล้ว สูงกว่าสหรัฐฯเกือบเท่าตัว นั่นหมายความว่าคนลงทุนได้กำไรจากการขายเงินลงทุนมหาศาล”ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
เศรษฐกิจของอิสราเอลนั้นในปี 2561 มูลค่า GDP อยู่ที่ 370 พันล้านดอลลาร์และมีอัตราการเติบโตของ Real GDP อยู่ที่ 3.3% ขณะที่ GDP per capita อยู่ที่ 37,986 ดอลลาร์ สูงสุดเป็นอันดับที่ 20 ของโลกมีอัตราการว่างงานเพียง 4% ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อิสราเอลจึงเป็นเป้าหมายการลงทุนของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ โดยมูลค่าการลงทุนโดยตรงในอิสราเอลปี 2560 อยู่ที่ 129 พันล้านดอลลาร์
ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่าเอเซีย พลัส กรุ๊ปฯเป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจการเงินที่บุกเบิก Venture Capital และ Private Equity ในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ (Tech startups) เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพและโอกาสเติบโตสูง สำหรับเทคสตาร์ทอัพในอิสราเอลบริษัทได้เข้าไปลงทุนเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนถือว่าดีมาก หากประเมินจากราคาเสนอซื้อธุรกิจที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนในขณะนี้ สูงถึง 2-8 เท่าตัวนับจากวันที่เข้าไปลงทุนเลยทีเดียว
สำหรับเทคสตาร์ทอัพในอิสราเอลที่เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯเข้าไปลงทุน เช่น ธุรกิจฟินเทคที่ใช้เทคโนโลยี AI ในขั้นตอนอนุมัติการกู้ยืมเงินออนไลน์ ธุรกิจที่ให้บริการด้าน Cyber Security ด้าน Penetration test ซึ่งทำงานให้กับบริษัทชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น Apple GE และ Google รวมทั้งลงทุนในกองทุน VC อิสราเอล โดยทั้งหมดนี้เอเซีย พลัส ยังคงถือหุ้นอยู่
“สิ่งที่เอเซีย พลัสทำมาโดยตลอด คือการนำเสนอนวัตกรรมทางการลงทุนที่กระจายไปทั่วโลก เราต้องการเปิดตลาดใหม่ๆเพื่อเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายให้ลูกค้า เหมือนอย่างที่เราเองก็ทำและประสบความสำเร็จ อย่างตอนนี้ธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอล ถือว่าเป็นตลาดหนึ่งที่น่าสนใจมาก” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
ข่าวเด่น