วันที่ 30 กันยายนนี้เป็นต้นไปทีวีดิจิทัลอีก 7 ช่องของไทยก็จะหายไปจากหน้าจอ เนื่องจากไม่สามารถทนผิดบาดแผลจากปัญหาการขาดทุนสะสมตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาจึงทำให้ทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง ประกอบด้วย กลุ่มช่องเด็กและเยาวชนจำนวน 2 ช่อง ได้แก่ ช่อง 3 Family และช่อง MCOT Family กลุ่มช่องข่าวจำนวน 3 ช่อง ได้แก่ ช่องสปริงส์นิวส์ ช่อง Bright TV และช่อง VOICE TV และกลุ่มช่อง SD จำนวน 2 ช่อง ได้แก่ SPRING 26 และช่อง 3 SD
อย่างไรก็ดีก่อนที่จะถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้มีทีวีดิจิทัลที่ขอยุติการออกอากาศไปก่อนตั้งแต่วันที่16 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 3 ช่อง ประกอบด้วย Spring 26, Spring News และ Bright TV นอกจากนี้เมื่อวันที่1 ก.ย.ที่ผ่านมามียุติการออกอากาศไป 1 ช่อง คือ VOICE TV ช่อง 21 และวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมายุติการออกอากาศไปอีก 1 ช่อง คือ ช่อง MCOT Family ส่วนที่เหลืออีก 2 ช่อง คือ ช่อง 3 SD และ 3 Familyจะออกอากาศวันที่30 ก.ย.นี้เป็นวันสุดท้าย
จากการทยอยยุติการออกอากาศดังกล่าวทำให้วันที่1 ต.ค.นี้ทีวีดิจิทัลจะยุติการออกอากาศครบทั้ง 7 ช่อง ตามที่ขอคืนใบอนุญาตจากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ในวันที่ 1 ต.ค.2562 ซึ่งการยุติการออกอากาศดังกล่าวทำให้หลังวันที่1 ต.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีทีวีดิจิทัลออกอากาศเหลือเพียง15 ช่อง เพราะก่อนหน้านี้ช่อง Thai TV และ LOCA ได้ยุติการออกอากาศไปแล้ว
สำหรับ 15 ช่องที่เหลือประกอบด้วย กลุ่มช่องข่าว? 3 ช่อง ได้แก่ TNN , NEW 18 และ Nation TV? กลุ่มช่อง SD?จำนวน 5 ช่อง ได้แก่ ช่องเวิร์คพอยท์, True4U, GMM25, ช่อง 8 และ Mono 29 กลุ่มช่อง HD 7 ช่อง ได้แก่ ช่อง 9 MCOT HD, ช่อง One, ไทยรัฐทีวี, 3HD, AMARIN TV, ช่อง5 และช่อง 7HD
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด หรือ MI กล่าวว่าการยุติการออกอากาศของทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเรตติ้งของทีวีดิจิทัลในกลุ่ม Top 10 โดยเฉพาะกลุ่ม Top 5 ลงมาที่จะมีการขยับอันดับกันมารายละ 1-2 ตำแหน่ง โดย Top 5 ยังคงเป็นผู้เล่นหน้าเดิม คือ ช่อง7 , ช่อง 3, โมโน, เวิร์คพ้อยท์ และช่องวัน ขณะที่ Top 6 -10 จะประกอบไปด้วย ไทยรัฐทีวี, อมรินทร์ทีวี, ช่อง 8, ช่องเนชั่น และช่อง 9 MCOT
อย่างไรก็ดีการลดจำนวนช่องลง7 ช่อง ไม่ได้มีนัยยะสำคัญให้เรตติ้งหรือจำนวนคนดูทีวีเพิ่มขึ้นเนื่องจากช่องที่ปิดตัวไม่ใช่ช่องหลักของคนดูทีวีอยู่แล้วมีเพียงช่อง 3SD ที่อาจจะส่งผลให้คนตามไปดูคอนเทนต์ที่ย้ายไปช่อง 33 บางส่วนขณะที่การดูทีวีในปัจจุบันส่วนหนึ่งเปลี่ยนแพลตฟอร์มในการดูไปดูผ่านออนไลน์ ขณะที่บางส่วนก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่ดูทีวีเป็นประจำอยู่แล้วซึ่งก็คงไม่หันกลับมาดูทีวีเช่นเดิม
แม้ว่าจะมีผู้เล่นน้อยลงแต่จากพฤติกรรมของผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลช่องที่เหลือต้องออกมาปรับกลยุทธ์กระตุ้นความสนใจของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่อง Top 5 ที่ออกมาปรับผังรายการใหม่กันอย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากช่อง 3 ที่ออกมาประกาศปรับผังรายการข่าวเพื่อทวงคืนพื้นที่ข่าวเห็นได้จากช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีการเริ่มนำรายการข่าวรายการใหม่มาออกอากาศตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เริ่มจากเวลา 04.00 น. ด้วยรายการ “โลกยามเช้า” ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 04.00 – 04.30 น. แล “ครอบครัวข่าว 3”ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 04.30-05.30น.
ในส่วนของรายการจะมีช่วงต่างๆให้ผู้ชมได้ติดตาม เช่น “Morning Teach” เป็นข่าวเทคโนโลยีกับเทรนด์ความรู้ยอดนิยมจากทั่วโลก ช่วง “โลกเราเช้านี้” นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โลกและช่วง“โลกบันเทิงยามเช้า” รวบรวมข่าวของเหล่าคนดังในวงการบันเทิง Hollywood และ Asia ผลงานเพลง ภาพยนตร์ใหม่ๆของดารานักแสดงที่กำลังเป็นกระแส รวมถึงนำเสนอ 5 อันดับTop 5 ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดประจำสัปดาห์ ตลอดจนการให้คะแนนของนักวิจารณ์ พร้อมมีกิจกรรมร่วมสนุกเพื่อรับของที่ระลึก?
นอกจากนี้ยังจะมีรายการ “ครอบครัวข่าว 3” 1 ชั่วโมงที่อัดแน่นด้วยข้อมูลข่าวสาร โดย 4 พิธีกรมืออาชีพ นำทีมโดย เอ ดนยกฤตย์ แดงหวานปีสีห์ – นิธินาฏ ราชนิยาม – ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ และ คำรณ หว่างหวังศรี ที่ผู้ชมจะพบกับการสรุปข่าวใหม่และข่าวใหญ่ให้ผู้ชมไม่ตกข่าว รวมถึงประเด็นเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผู้ชมไม่ควรพลาดในรอบวันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรพลาดกับช่วง “เตะผ่าหมาก”โดยทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์และ“คำรณค้นความจริง”กับคำรณ หว่างหวังศรี รวมไปถึงรายการเรื่องเล่าหน้าหนึ่ง รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายการแฟลชนิวส์ รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ รายการข่าว 3 มิติ รายการโลกยามเช้าสุดสัปดาห์และรายการเรื่องเล่าเสาร์ – อาทิตย์

ขณะที่ช่อง 8 เองก็มีการเขย่าทีมบริหาร ล่าสุดนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน)ได้ปรับโครงสร้างผู้บริหารด้วยการดึงน.ส.นงลักษณ์ งามโรจน์ มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส เทเลวิชั่น จำกัด รับผิดชอบดูแลภาพรวมและบริหารงานของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8และดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 รับผิดชอบดูแลภาพรวมและบริหารงานละคร รายการวาไรตี้และกีฬา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการบริหารช่อง 8? ในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเทน้ำหนักรุกคอนเทนต์ละครเต็มรูปแบบ โดยมุ่งคัดสรรบุคลากรมืออาชีพมากประสบการณ์เข้ามาเสริมทัพขยายทีมอีกเป็นจำนวนมาก
ด้านช่อง5 ก็ออกมาเขย่าผังใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาก็มีการปรับผังรายการข่าวและวาไรตี้ที่มีสาระและบันเทิงควบคู่กัน โดยในส่วนของรายการข่าวทางช่อง 5 ก็อัดแน่นตลอดทั้งวันเริ่มตั้งแต่รายการข่าวภาคเช้า ข่าวภาคเที่ยง ทันข่าวต้นชั่วโมง ฮาร์ดคอร์ข่าว ข่าวภาคค่ำและจับประเด็นข่าวร้อน รวมไปถึงการนำรายการกีฬาอย่าง“กีฬานอกสนาม” มาออกอากาศเพิ่มเติม เพื่อเอาใจคอกีฬาและการนำรายการสาระความบันเทิง ละคร รายการวาไรตี้ มาออกอากาศ เพื่อขยายฐานผู้ชมเพิ่ม ซึ่งการออกมารับผังรายการใหม่ในครั้งนี้ ช่อง 5 ก็คาดหวังว่าจะได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
ข่าวเด่น