การขยายตัวของภาพรวมตลาดค้าปลีกน้ำมันในประเทศที่ยังคงเติบโตต่อปีละ 3% ส่งผลให้สถานีบริการน้ำมันยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึง 6% สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันของผู้ค้าน้ำมันยังคงมีความรุนแรงและเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดและจำนวนลูกค้าจากคู่แข่งให้ได้มากที่สุด สถานีบริการน้ำมันแต่ละแบรนด์จึงต้องหาบริการใหม่ๆมาบริการให้กับลูกค้าและการนำร้านค้าปลีกในรูปแบบต่างๆมาให้บริการภายในสถานีบริการก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เริ่มเห็นการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
จากข้อมูลล่าสุดของกรมธุรกิจพลังงานระบุจำนวนสถานีบริการในช่วงไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมาพบว่าบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี เจ้าของแบรนด์ PTG ยังครองอันดับ 1 ด้วยจำนวนสถานีบริการ 1,916 แห่ง รองลงมาได้แก่ ปตท.จำนวน 1,899 แห่ง, บางจาก 1,176 แห่ง, เอสโซ่ 609 แห่ง และเชลล์ 525 แห่ง แต่ในแง่ของยอดจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการ“เอสโซ่”ยังครองอันดับ 2 ด้วยยอด 465,000 ลิตรต่อเดือน โดยเฉพาะน้ำมันเกรดพรีเมียม
ความสำเร็จที่"เอสโซ่"ได้รับดังกล่าว ทำให้ต้องเร่งเครื่องการขยายสถานีบริการให้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 50 แห่ง ส่งผลให้ในปี 2562 นี้จะมีสถานีบริการทั้งหมด 640 แห่ง จากครึ่งปีแรกที่เปิดให้บริการไปแล้ว 620 แห่งและจะขยายให้ครบ 700 แห่งในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับสถานีบริการน้ำมันแล้ว พื้นที่ค้าปลีกภายในสถานีบริการ เอสโซ่ ก็จะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้บริการซื้อสินค้าและใช้บริการต่างๆในสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น
นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าพันธมิตรที่จะเข้าร่วมกับเอสโซ่เพื่อเสริมจุดแข็งด้านค้าปลีก (non oil) นั้นจะมีความหลากหลายมากขึ้นโดยในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว“ร้านอาหารครัวพี่เสือ”ที่เอสโซ่ร่วมกับกลุ่ม CPF นำร่องที่สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เอกชัย-บางบอน ซึ่งหากรูปแบบร้านนี้ประสบความสำเร็จก็จะมีการต่อยอดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
นอกจากนี้เอสโซ่ยังมีพันธมิตรอื่นๆเข้ามาร่วมเปิดให้บริการภายในสถานีบริการไม่ว่าจะเป็นสตาบัคส์ ปัจจุบันมี 3 สาขา, เบทาโกร 3 สาขา, Kerry Logistic 19 สาขา, แมคโดนัลด์ และเบอร์เกอร์คิงอย่างละ 1 สาขา, Tyreshop 51 สาขา, บีควิก ,KFC, มินิบิ๊กซี, กาแฟมวลชน, ซาลาเปาวราภรณ์และ เทสโก้ เอ็กซ์เพรส เป็นต้น
ในส่วนของ"คาลเท็กซ์"ก็เดินหน้ายกระดับสถานีบริการให้เป็นเพื่อนกับนักเดินทางตามวิสัยทัศน์ของ นายซาลมาน ซาดัต ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ ของคาลเท็กซ์ ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตภายใต้กลยุทธ์ “Smart Value for All” เพื่อก้าวสู่การเป็นเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ครบวงจรครอบคลุม สมาร์ทสเตชั่น (Smart Station) สมาร์ทเซอร์วิส (Smart Service) สมาร์ทดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Smart Digital Platform) สมาร์ทพาร์เนอร์ชิพ (Smart Partnership) และสมาร์ท โปรดักท์ (Smart Product) ด้วยงบลงทุนก้อนใหญ่กว่า 6,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2564
นายชุตินธร ปักเข็ม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายผลิตภัณฑ์ประเทศไทย บริษัท เชฟรอน (ไทย)จำกัดผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” กล่าวว่าบริษัทจะยกระดับสถานีบริการน้ำมันให้มาเติมเต็มความต้องการของ“นักเดินทาง”ทั้งการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว ธุรกิจหรือสัญจรทั่วไป เนื่องจากพฤติกรรมของคนยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือนอกจากจะแวะเติมน้ำมันแล้วยังมองหาความสะดวกสบายของร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ พื้นที่ผ่อนคลาย ห้องน้ำ
ด้วยเหตุนี้คาลเท็กซ์จึงได้มีการพัฒนา"คาลเท็กซ์ สมาร์ท สเตชั่น"แฟลกชิพแห่งแรกในประเทศไทยที่สาขา ไฮเท็กซ์ เพชรพระเทพ บนถนนพรานนก-พุทธมณฑล ด้วยการออกแบบสถานีบริการให้มีองค์ประกอบแบบ“สมาร์ท”ทั้งโครงสร้างของสถานีบริการน้ำมันรูปโฉมใหม่ ตั้งแต่แท่นจ่ายน้ำมัน หลังคาและเสา สอดรับยุคดิจิทัลด้วยด้วยทราฟฟิกบอร์ดและดิจิทัลมอร์นิเตอร์ เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นข้อมูลได้ชัดเจน รวมไปถึงการออกแบบพื้นที่สีเขียวควบคู่พื้นที่เชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ยังได้มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สอดรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการติดตั้งระบบชำระเงินโดยเครื่องรูดบัตรแบบไร้สาย การพัฒนาแอพพลิเคชัน “CaltexGo” บนโทรศัพท์มือถือเพื่อการชำระเงินและสะสมคะแนนร่วมกับ“ลอยัลตี้โปรแกรม”นำร่องภายใต้โครงการ “Family and Friends” เมื่อเดือน พ.ค.ที่่ผ่านมา
ปัจจุบันคาลเท็กซ์มีแบรนด์พันธมิตรที่เข้ามาร่วมเปิดให้บริการในสถานีบริการแล้วหลายแบรนด์ด้วยกันได้แก่ สตาร์บัคส์, เคเอฟซี ,เบอร์เกอร์คิง ,แดรี่ควีน, มินิบิ๊กซี ,แฟมิลี่มาร์ท ,ร้านกาแฟเอ็กซ์เพรสโซ่ บาย กลอเรีย จีนส์ , บริการล้างรถ Washched และ J Wash รวมถึงตู้กดสินค้าอัตโนมัติและในไตรมาสสุดท้ายนี้ คาลเท็กซ์ ก็ได้เตรียมเปิดปั๊มน้ำมันในพื้นที่ของ“พอร์โต้ โก ท่าจีน”บนถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยพาตัวเองไปอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ ขณะที่ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่เน้นการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกของตัวเองและในเร็วๆนี้ คาลเท็กซ์ยังจะเข้าไปอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ของ “The Jas อมตะนคร” อีกด้วย
ปัจจุบันคาลเท็กซ์ มีสาขาบริการ 370 แห่งทั่วประเทศแต่ละปีขยายเพิ่มอย่างน้อย 50 แห่ง โดยภายใน3ปีนับจากนี้คาลเท็กซ์ตั้งเป้าจะมีสถานีบริการให้ครบ 500 แห่ง ภายใต้โมเดล แฟลกชิพปักหมุดหมายเดสทิเนชั่นของนักเดินทาง
ด้าน"บางจาก"ก็ยังคงเดินหน้าขยายสถนีบริการและพื้นที่ค้าปลีกตามแผนเดิมที่เคยได้ประกาศไว้ว่าจะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 330 แห่งใน 4 ปีข้างหน้า (2562-2565) จากสิ้นปีนี้ที่จะมีสถานีบริการน้ำมัน 1,170 แห่ง หลังจากนั้นการขยายสถานีบริการน้ำมัน เพื่อทดแทนสถานีน้ำมันที่หมดสัญญาไป โดยวางเป้าจำนวนสถานีบริการน้ำมันไว้ที่ระดับ 1,430 แห่งทั่วประเทศในปี 2565 มีร้านสพาร์ ร้านกาแฟอินทนิลและมินิบิ๊กซีเป็นแม่เหล็กหลักในส่วนของพื้นที่ค้าปลีก
เช่นเดียวกับ"ปตท."ที่เดินหน้าขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศและพื้นที่ค้าปลีกในสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะเปิดทั้งสิ้น 155 แห่งจากปัจจุบันที่มี 1,700 แห่ง ส่วนการขยายสถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศ ปีนี้คาดว่าจะเปิด 60-70 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 220 แห่ง โดยรูปแบบการขยายสถานีบริการน้ำมันทั้งในและต่างประเทศจะเป็นการดำเนินการของบริษัทเอง 20% และดีลเลอร์ 80%
ข่าวเด่น