ดัชนีมีความพยายามประคองตัวไม่หลุดลงไปทำ New low ในช่วงเช้าและมีการขยับขึ้นทำ New high เล็กน้อย แต่ยังไม่ผ่านขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ก่อนที่จะไหลลงมาทำ New low ในช่วงบ่ายในที่สุด ส่วนหนึ่งที่ตลาดค่อนข้างเงียบมาจากประเด็นการจอง IPO ที่เพิ่งผ่านไปทำให้เม็ดเงินไหลออกไปชั่วคราว ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งในช่วงกลางเดือนนี้ คาดว่าจะทำให้ตลาดกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นวันนี้ (7 ก.ย.) ยังต้องลุ้นให้ดัชนีประคองตัวไม่ลงไปทำ New low ต่ำกว่า 1,603 จุดให้ได้ก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นผ่านหรือปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ที่ 1,612-1,613 จุดได้อีกครั้งหรือผ่านขึ้นปิด GAP แถวๆ 1,623 จุดได้ต่อไป
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ MTC ซึ่งมีแนวรับ 57.25 , 56.75 บาท และมีแนวต้านที่ 58.25-58.50 , 60.00 บาท โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์แต่ยังไม่ผ่านขึ้นทำ New high โดยระดับราคาสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวันพร้อมเกิดสัญญาณ Golden cross หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 57.25 บาทหรือเต็มที่ไม่หลุด 56.75 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อได้แถวๆ 58.25-58.50 บาทและ 60.00 บาทต่อไป
ตามด้วยหุ้น TOA มี แนวรับ 40.75 , 40.25 บาท และมีแนวต้าน 42.25-42.50 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์โดยผ่านขึ้นทำ New high ได้ และปิดได้ในระดับสูงของวันพร้อมเกิดสัญญาณ Golden cross หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 40.75 บาทหรือเต็มที่ไม่หลุด 40.25 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อได้แถวๆ 42.25-42.50 บาทต่อไป
และหุ้นที่น่าจับตามองอีกตัวคือ TASCO ซึ่งมีแนวรับ 20.90 บาท มีแนวต้าน 21.30-21.40 , 21.70-21.90 บาท โดยระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงของวันและกำลังมีลุ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ ในขณะที่สัญญาณ Golden cross กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมวอลุ่มซื้อขายที่กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 20.90 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อได้แถวๆ 21.30-21.40 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบ 21.70-21.90 บาทต่อไป
ด้านตลาดทองคำ สรุปภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเวลา 15.30 น วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,508.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,497.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงลดลง 10.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แต่ระหว่างสัปดาห์ราคาร่วงหลุดต่ำกว่า 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในบางช่วง ถูกกดดันจากแรงขายทางเทคนิคหลังราคาหลุดต่ำกว่า 1,485 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับสำคัญจากประเด็นตลาดคาดว่า ความขัดแย้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนลดลง แต่กลางสัปดาห์ดีดกลับมาเหนือ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ
ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมากพอสมควร โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,458.90-1,519.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เริ่มต้นสัปดาห์ ราคาทองคำเจอแรงขายอย่างเบาๆ ลงมาทดสอบแนวรับ 1,485 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากข่าวต่างๆที่ออกมาส่งสัญญาณว่าสหรัฐและจีน ยังมีแนวโน้มที่ดีในการคุยแก้ปัญหาเรื่องสงครามการค้าแต่มีแรงขายจากการเก็งกำไรจำนวนมากขึ้นทันที เมื่อราคาทองคำโลกหลุดต่ำกว่า 1,485 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับสำคัญ โดยลงไปทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,458.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำเริ่มปรับขึ้นอีกครั้ง ก่อนการประกาศตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสถาบัน ADP ของสหรัฐ และปรับขึ้นต่อเมื่อประกาศตัวเลขจริงออกมา โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนกันยายนของสหรัฐที่จะประกาศในค่ำคืนวันศุกร์ของไทยจะออกมาต่ำกว่าตลาดคาดเช่นกัน ทำให้ราคาทองคำกลับมายืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงแข็งค่าประมาณ 0.164 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.460 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.624 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างสัปดาห์อยู่ระหว่าง 30.287-30.690 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ได้ซื้อคืนบริเวณ 1,485-1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกรอบแล้ว แต่หากหลุดต่ำกว่า 1,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ต้องตัดขาดทุนทันทีและแนะนำให้รอดูอีกครั้งบริเวณ 1,440-1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลงมาถึงช่วงดังกล่าวไม่นาน ราคาก็ดีดขึ้นมาอีกครั้ง หากใครได้ซื้อคืนบริเวณดังกล่าว แนะนำขายทำกำไรช่วง 1,505-1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งไว้ยืนเหนือ 1,525 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ค่อยซื้อตามหรือซื้อเพิ่มส่วนเป้าหมายที่สองจะอยู่ 1,550-1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนระยะยาวยังแนะนำถือทองคำต่อไป โดยหากราคายืนเหนือ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เป้าหมายระยะยาวถัดไปจะเป็น 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทันที
ข่าวเด่น