ชีวิตของคนเราย่อมเกิดการ“เปลี่ยนแปลง”อยู่เสมอๆแต่การเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือเป็นสิ่งที่คุณควรเตรียมการเพื่อรับมือ เพราะการรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น แล้วได้คิดหรือเตรียมการตั้งรับกับสิ่งนั้นจะช่วยทำให้คุณสบายใจ ไม่กังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและพร้อมที่จะปรับแต่งชีวิตของคุณให้เป็นไปในทิศทางที่พอใจ
“สูงวัย”เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณทุกคนไม่อาจหนีไปได้ ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คนทำงานต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กและผู้สูงอายุมากขึ้นและมีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นในระหว่างปี 2553-2583 ตามการคาดคะเนของสำนักคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายละเอียดดังนี้
ปี พ.ศ. 2560 ปี พ.ศ. 2570
คนทำงาน (อายุ 15-59 ปี) 100 คน 100 คน
รับภาระเลี้ยงดูเด็ก 26 คน 25 คน
รับภาระเลี้ยงดูผู้สูงอายุ 25 คน 39 คน
รวมรับภาระเลี้ยงดู 51 คน 64 คน
จากตารางพบว่าอีกเพียง 10 ปีข้างหน้า คนวัยทำงาน 100 คน ต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กและผู้สูงอายุเพิ่มจาก 51 คน เป็น 64 คน เพิ่มขึ้น 13 คน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 25% นั่นหมายความว่า นอกจากการทำงานหารายได้ในปัจจุบันแล้ว ยังต้องหาทางทำให้รายได้ที่ได้รับมาทำงานมากขึ้นและได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทันต่อการใช้จ่ายในอนาคต
วันนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯได้นำคำแนะนำดีๆจาก"คุณอรพรรณ บัวประชุม" CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย มาบอกกล่าวกัน แล้วจะทำอย่างไรถ้าคุณทุกคนยังไม่เริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้
เริ่มจากเปลี่ยนใจ ขั้นตอนง่ายๆที่ช่วยให้เตรียมตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเริ่มจากวิธีตรวจสอบสภาพคล่องก่อนการลงทุน โดยให้สังเกตตัวเองก่อนว่าปัจจุบันมีเงินเก็บสะสมอยู่ที่ไหนบ้างมีเงินเก็บสม่ำเสมอหรือไม่ หากต้องใช้เงินยามฉุกเฉินจะเอาเงินจากตรงไหนมาใช้ หากคำตอบที่คุณได้รับคือ มีเงินเก็บสะสมอยู่ในเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ ออมบ้างไม่ออมบ้าง ถ้าเดือนไหนเหลือแล้วค่อยออม กรณีฉุกเฉินต้องการใช้เงินต้องหยิบยืมจากเพื่อนหรือญาติๆเป็นประจำ
ดังนั้นหากคุณเป็นแบบนี้ขอให้เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ด้วยการ“ตัดใจ”ออมเงินอย่างสม่ำเสมอเท่าๆกันทุกเดือน เช่น รายได้ 30,000 บาท ออม 20% เท่ากับว่าออมเดือนละ 6,000 บาท ปีหน้ารายได้เพิ่มขึ้นก็ออมสัดส่วนเท่าเดิม เช่น รายได้ 35,000 บาทต่อเดือน ออม 20% เท่ากับว่าออม 7,000 บาท ซึ่งจะทำให้การออมเพิ่มขึ้น
จากนั้นคุณก็ต้อง“อดใจ”เพื่อสะสมเงินออมนี้ให้เป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินก่อน เพราะหากเกิดอะไรที่คุณไม่คาด คุณจะได้มีเงินใช้โดยไม่ต้องหยิบยืมใคร โดยอย่างน้อยคุณควรมีเงินออม 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น หากปกติมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท ก็ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 120,000 บาท ซึ่งอาจเก็บไว้ในรูปเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ หรือกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเงินสดพร้อมใช้ได้ตลอดเวลา
เปลี่ยนแปลง เมื่ออดใจและตัดใจได้แล้วคุณก็มาเริ่มต้นลงทุนเพื่ออนาคตหากคุณเป็นคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องการเงินก็จะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง หันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินให้มากขึ้น โดยต้องกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการเป็นเป้าหมาย เพื่อให้มีแรงผลักดันในการออมและลงทุน
จากนั้นให้เลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ การเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการเงินที่ดีในอนาคต เพราะอะไรๆที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นก็จะไม่กระทบหรือเปลี่ยนชีวิตคุณไม่ได้มากนัก
ข่าวเด่น