สำหรับสัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นไทยมีความพยายามดีดกลับขึ้นในช่วงเช้า แต่ไม่สามารถขยับขึ้นทำ New high ได้ จึงมีแรงขายทำกำไรออกมาในระหว่างวัน กดให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาทำ New low วันต่อวันในที่สุดแต่ไม่หลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ก่อนที่ในช่วงบ่ายดัชนีเริ่มจะสามารถดีดกลับขึ้นมา ปิดในระดับสูงของวันได้ โดยสามารถประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 25 วันที่ระดับ 1,631-1,630 จุด คล้ายกับเป็นการปรับฐานชั่วคราว
หากวันนี้ (21ต.ค.) ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,631-1,629 จุดอีก ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้อีกครั้ง โดยมีแนวต้านแรกที่ระดับ 1,640 จุด หากดัชนีผ่านระดับดังกล่าวได้เร็วอาจได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 1,646-1,650 จุดต่อไป สำหรับแนวรับอยู่แถวๆ 1,623 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น DTAC ซึ่งมีแนวรับ 59.25 บาท และมีแนวต้าน 60.00-60.25 , 61.00 บาท โดยระดับราคามีการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่สองแต่วอลุ่มซื้อขายลดลงมากกว่าครึ่ง สอดคล้องกับรูปแบบการพักฐานเพื่อดีดกลับรอบใหม่ โดยมีแนวรับแถวๆ Low เดิมที่ 59.25 บาท
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าวซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดยมีแนวต้านแรกที่ 60.00-60.25 บาท ผ่านได้เพิ่มลุ้นต่อแถวๆ 61.00 บาทต่อไป
ตามมาด้วยหุ้น ADVANC ซึ่งมีแนวรับ 230-229 บาท และมีแนวต้าน 234 , 238 บาท ระดับราคาสามารถประคองตัวยืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้ต่อเนื่อง หลังจากถูกขายทำกำไรกลับลงมาแรงในวันก่อนหน้า ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายลดลงมากกว่าครึ่ง สอดคล้องกับรูปแบบการพักฐานเพื่อดีดกลับรอบใหม่
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 230-229 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดยมีแนวต้านแรกที่ 234 บาท ผ่านได้เพิ่มลุ้นต่อแถวๆ 238 บาทต่อไป
และหุ้น TNP ซึ่งมีแนวรับ 2.06-2.04 บาท และมีแนวต้าน 2.22-2.24 , 2.36-2.42 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high วันต่อวันได้ต่อเนื่อง โดยมีวอลุ่มซื้อเพิ่มขึ้นสูงมาก ประกอบกับ MACD ที่อ่อนตัวลงมาไม่หลุดต่ำกว่าระดับศูนย์พร้อมดีดกลับ
หากวันนี้ระดับราคาอ่อนตัวกลับลงมาแถวๆ 2.06-2.04 บาทอีก น่าซื้อเพิ่มลุ้นดีดกลับผ่าน 2.22-2.24 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์แถวๆ 2.36-2.42 บาทต่อไป
ส่วนตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อเวลา 11.10 น วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,492.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,488.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นประมาณ 4.03ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวแคบหลังจากตลาดยังไม่มีประเด็นใหม่ชัดเจนมากระทบต่อราคาทองคำ
ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมากพอสมควร โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,477.05-1,498.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เริ่มต้นสัปดาห์ราคาทองคำปรับลงหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสหรัฐและจีน ตกลงเจรจาประเด็นสงครามการค้าได้ลงตัวบางส่วน ก่อนที่ราคาจะดีดกลับตัวขึ้นมาได้บ้างในช่วงกลางสัปดาห์ เมื่อสหรัฐประกาศสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง ทำให้เริ่มเกิดความกังวลว่าจีนอาจจะไม่พอใจกับท่าทีของสหรัฐและมีโอกาสที่จะส่งผลต่อการเจรจาประเด็นสงครามการค้าในครั้งต่อไปที่น่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงแข็งค่าประมาณ 0.170 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.265 บาทต่อดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.435 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างสัปดาห์อยู่ระหว่าง 30.255-30.455 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับราคาทองคำ แม้จะถูกกดันจากการเจรจาสงครามการค้าที่ดีขึ้นแต่มุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมถึงทั้งโลกยังเป็นลบอยู่ ซึ่งจะเป็นประเด็นกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะจำกัดการปรับลงของราคาทองคำโลก
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้น การขึ้นไปทดสอบ 1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วยืนเหนือไม่ได้ก็มีโอกาสลงมาทดสอบ 1,488 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ซึ่งแนวรับแรกดังกล่าวอาจจะยังมีความเสี่ยงที่จะหลุดต่ำกว่าได้ โดยช่วงแนวรับที่สำคัญและควรเข้าไปซื้อคืนยังอยู่ในช่วง 1,450-1,475 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาปรับลงมาใกล้โซนแนวรับล่าง เป็นโอกาสเข้าสะสมซื้อสำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น เป้าหมายทำกำไรจะยังอยู่ 1.505-1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนเหนือ 1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้ซื้อตามเพิ่มเติม โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยังมีโอกาสที่ธนาคารกลางสำคัญๆหลายแห่งจะยังลดอัตราดอกเบี้ย
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป โดยหากราคายืนเหนือ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เป้าหมายระยะยาวถัดไปจะเป็น 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทันที
ข่าวเด่น