หุ้นทอง
ประเมินมูลค่าหุ้นไทย น่าสนใจมากสถานการณ์พร้อมฟื้นตัวตามหุ้นโลก


หลังจากดัชนีหุ้นไทยหรือ SET Index ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,600 จุด ทำเอาคนเล่นหุ้น ใจหายใจคว่ำ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงถึง 38 จุด หรือ 2.34%


ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ระบุว่าสาเหตุหลักเกิดจากความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มแบงก์และผลประกอบการไตรมาส 3 ปี2562 ของบริษัทจดทะเบียนบางกลุ่มชะลอตัว
 
สังเกตได้ว่าแรงขายสุทธิที่ออกมา เป็นของนักลงทุนสถาบันเพียงกลุ่มเดียว โดยตลอด 5 วันทำการที่ผ่านมา ขายสุทธิไปกว่า 7 พันล้านบาท แต่การที่แรงซื้อจาก LTF ที่มักจะกระจุกตัวช่วงท้ายปีบวกกับนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ 3.7 พันล้านบาท เป็นการซื้อต่อเนื่อง 5 วันทำการ
 
ขณะที่เมื่อวันที่ 28ต.ค.ที่ผ่าน ต่างชาติยังเปิด Long สัญญา SET50 Futures กว่า 2.15 หมื่นสัญญาด้วย น่าจะเป็นแรงส่งให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวตามตลาดหุ้นโลกได้ และหากพิจารณา Valuation ผ่านการประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2562 จากส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนการลงทุนจากตลาดทุนกับตลาดตราสารหนี้หรือ Market Earning Yield Gap ที่ปัจจุบันกว้างขึ้นมาอยู่ที่ 4.85% (ใช้ Bond Yield 1 ปี ณ ปัจจุบัน ที่ 1.42%)
 
 
 
ภายใต้ภาวะปกติบวกกับหากมี Fund Flow ช่วยหนุน คาดว่า Market Earning Yield Gap จะกลับมาซื้อขายที่ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 4.28% (ใช้ Bond Yield 1 ปี ที่ 1.4%) สามารถคำนวณกลับมาเป็น PER ที่เหมาะสมที่ 17.6 เท่า จะหนุนให้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2562 เดิมที่ 1,655 จุด (EPSปี 62 ที่ 100.64 บาทต่อหุ้นคูณกับ PER ที่ 16.45 เท่า) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1771 จุดได้
 
ยิ่งไปกว่านั้นหากในช่วงที่เหลือของปีนี้ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งเหลือ 1.25%จะส่งผลให้ระดับ Market Earning Yield Gap ณ ปัจจุบันกว้างขึ้นเกินกว่า 5% ซึ่งตามกลไกปกติแล้วส่งผลให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นไปอีก หากประเมินว่าอยู่ที่ระดับ 18.08 เท่า จะทำให้หมาย SET Index ขึ้นไปแตะ 1800 จุดได้
 
ดังนั้นหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ในระดับ Valuation ที่น่าสนใจมากบวกกับกลไก Market Earning Yield Gap ดังกล่าวน่าจะหนุนให้ตลาดมี Downside จำกัด รวมถึงซื้อ LTF ที่มักจะกระจุกตัวในช่วงท้ายของปีจะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ดัชนีกลับยืนเหนือ 1,600 จุดอีกครั้ง
 
เมื่อประเมินสถานการณ์ตลาดดีขึ้นและการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีพัฒนาการทางบวกก็จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโลกและไทย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งจะมีทั้งแรงซื้อเก็งกำไรและแรงขายหลังประกาศงบ ทำให้ SET Index แกว่งตัวผันผวน
 
กลยุทธ์ลงทุน จึงเน้นไปในหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดีและราคาผ่านการปรับฐานจากปัจจัยแวดล้อมไปพอสมควรแล้ว อย่าง EA ราคาเหมาะสมปี 63 อยู่ที่ 56บาท และ MCS ราคาเหมาะสม 11.30 บาท
 
 
ส่วนหุ้น EA นั้น จากสถิติ 5 ปี ย้อนหลัง พบว่าเดือนพ.ย. ราคาหุ้น EA จะปรับตัวขึ้นถึง 4.19% และให้ผลตอบแทนเป็นบวก 4 ใน 5 ปี ขณะที่ปัจจัยหนุน คาดกำไรครึ่งปีหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากครึ่งปีแรก คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ 1.5 พันล้านบาท เติบโต 7.2%qoq กำไรปกติเพิ่มขึ้น 15.1%qoq จากธุรกิจไฟฟ้าพลังลม (รวม 385 MW) ได้ผลบวกจากฤดูมรสุมและการรับรู้โรงไฟฟ้าลมหนุมานเต็มไตรมาส
 
ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2562 คาดเติบโตต่อทำระดับสูงสุดของปี หนุนจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 80% (สูงกว่าโรงไฟฟ้าพลังลม ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 60% จะกลับมาผลิตไฟได้สูงขึ้น ตามฤดูกาลหลังหมดฤดูฝน เป็นต้น
 
 
ขณะที่หุ้น MCS ได้รับงานใหม่เข้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2562 รวม 7 โครงการ น้ำหนักรอส่งมอบกว่า 1.35 แสนตัน ขณะที่ปัจจุบัน MCSอยู่ระหว่างเจรจางานในญี่ปุ่นหลายโครงการ คาดช่วงที่เหลือของปีน่าจะได้เซ็นสัญญาเพิ่มเติมได้
ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี2562 กำไรเติบโตก้าวกระโดด เพิ่มถึง 64% QoQ และ 309% YoYและน่าจะยังรักษาการเติบโตของกำไรไว้ได้ในไตรมาส 4 ปี2562 ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside กว่า 24.2% เป็นต้น

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ต.ค. 2562 เวลา : 12:55:21
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 3:03 pm