กระแส Fund Flow ของเดือนพฤศจิกายนนี้ ยังคงมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหนนั้น หากไปดู 3 เดือนก่อนหน้านี้พบว่าต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง เดือนส.ค. ขาย 5.4 หมื่นล้านบาท, เดือนก.ย.ขาย 1.1 หมื่นล้านบาท และเดือนต.ค. ขาย 7.8 พันล้านบาท
ส่งผลให้ลักษณะการลงทุนเป็นการซื้อขายสลับกลุ่มคือขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นแรง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า แล้วสลับมาลงทุนหุ้นที่ปรับฐานลงมาเยอะ จนมี Upside เปิดกว้าง เช่น กลุ่มแบงก์ เป็นต้น
สำหรับในเดือนพ.ย. 2562 นี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองว่ามีประเด็นที่ส่งผลต่อกระแสของ Fund Flow ที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย นั่นก็คือ MSCI จะมีการปรับพอร์ต (rebalance) อีกครั้ง โดยประกาศผลในเช้าวันที่ 8 พ.ย.2562 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พ.ย. 2562 ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นไทยที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI
สอดคล้องกับสถิติในอดีต พบว่าหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI มักจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนถึงก่อนการเข้าคำนวณเสมอ โดยเฉพาะ ดัชนี MSCI Global Standard ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่ถูกคัดออก ราคาหุ้นมักถูกกดดัน แต่จะค่อยๆฟื้นตัวหลังวันที่มีผลบังคับใช้
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือในช่วงต้นปี 2562 MSCI ได้ประกาศชัดเจนว่าจะปรับเพิ่มน้ำหนัก 5% ของ China A-Share ลงในดัชนี MSCI Emerging Market ในรอบนี้จึงคาดว่าจะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกเบียดให้มีสัดส่วนการลงทุนที่ลดลง
ขณะที่ Fund Flow น่าจะชะลอการไหลเข้าเช่นเดียวกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในปีนี้ โดย MSCI มีการเพิ่มน้ำหนัก 5% ของ China A-Share ลงในดัชนี MSCI Emerging Market เช่นกัน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวน่าจะเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง การไหลเข้าของ Fund Flow ในตลาดหุ้นไทยออกไปอีกระยะหนึ่ง และยังสอดคล้องกับสถิติในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ที่ Fund Flow มักจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ย.เฉลี่ยสูงถึง 1.47 หมื่นล้านบาทหรือขายมากสุดเป็นอันดับ 2 ของปีและยังเป็นการขายสุทธิสูงถึง 8 ใน 10 ปีด้วย
ข่าวเด่น