ดัชนีหุ้นมีการปรับตัวย่อลงมานิดนึงแต่มองว่ายังไม่หลุดแนวเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นทั้งเส้น 5 วัน และ 10 วัน และด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังมีอยู่พอสมควร ประกอบกับสัญญาณอินดิเคเตอร์เริ่มมีการปรับตัวชี้ขึ้นเป็นสัญญาดี
ดังนั้นหากวันนี้ (11พ.ย.) ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาหลุดหรือปิดต่ำกว่าระดับ 1,630 จุดก่อน ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นไปแถวๆ 1,642 จุด และมีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,653 จุดต่อไปตามลำดับ
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น SAWAD ซึ่งมีแนวรับ 63.50 บาท และมีแนวต้าน 66.5 บาท โดยระดับราคาเริ่มมีการขยับตัวขึ้นมา หลังจากที่ลงไปพักตัวมาสักพักนึง โดยระดับราคาสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 5 และ 10 วันได้อย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับวอลุ่มการซื้อขายที่กลับมาเยอะอีกครั้ง จึงมองว่าหากวันนี้ ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 63.50 บาท ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นไปได้แถวๆ high เก่าที่ 42.50 บาท
ส่วนหุ้น BLA มีแนวรับ 19.30 บาท และมีแนวต้าน 20.4, 21.00 บาท โดยระดับราคายังสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัดเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ เป็นสัญญาบอกว่ามีโอกาสที่จะขึ้นต่อ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 19.3 บาท น่าจะได้ลุ้นขึ้นไปแตะที่ 20.40 บาท และมีสิทธิที่จะไปทดสอบแนวต้านที่ 21 บาทต่อไปตามลำดับ
และหุ้น EA มีแนวรับ 44.00 บาท มีแนวต้าน 45.50, 46.50 บาท โดยระดับราคาวานนี้ปิดทรงตัว ด้วยมูลค่าการซื้อขายพอสมควร ประกอบกับราคายังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นได้ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 44.00 บาท มองว่าราคามีโอกาสที่จะขึ้นไปปิด GAP ได้ที่ 45.5 บาท หากผ่านไปจะไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่แถวๆ 46.50 บาทตามลำดับ
ด้านภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อเวลา 14.45 น วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,470.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,514.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลดลงถึง 44.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนคลี่คลายกดดันราคาทองคำปรับลงแรงตลอด
ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมากพอสมควร โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,460.69-1,514.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เริ่มต้นสัปดาห์ราคาทองคำยังยืนเหนือ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ดีจากปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ข่าวแนวโน้มที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงบางอย่างเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดของสงครามการค้าออกมา เริ่มกดดันราคาทองคำปรับหลุดแนวรับจิตวิทยา 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา ก่อนที่จะลงแรงๆต่อเมื่อข่าวจีนออกมาแถลงยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะทยอยยกเลิกการเก็บภาษีที่ทั้งสองฝ่ายประกาศออกมา ระหว่างช่วงทำสงครามการค้ากัน โดยจีนเริ่มจากการยกเลิกมาตรการข้อจำกัดเกี่ยวกับการนำสินค้าสัตว์ปีกจากสหรัฐเข้ามายังจีน กดดันราคาทองคำลงไปแตะระดับ 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับลดลงรายสัปดาห์แรงสุดในรอบปีนี้
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าประมาณ 0.285 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.360 บาทต่อดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.145 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างสัปดาห์อยู่ระหว่าง 30.145-30.430 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เป้าหมายขายทำกำไรอยู่บริเวณ 1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งขึ้นไปสูงสุดเพียง 1,514 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคากลับปรับหลุดแนวรับ 1,505 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเคยเป็นแนวต้านเดิม ทำให้เกิดการขายทางเทคนิคออกมาประกอบกับข่าวสงครามการค้าคลี่คลาย ทำให้ 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่เคยเป็นจุดต่ำสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและเป็นจุดต่ำสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากลายเป็นแนวรับสำคัญ ซึ่งหากปิดต่ำกว่า ราคาทองคำโลกจะมีโอกาสลงไปซื้อขายกันใกล้บริเวณ 1,435 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทีเดียว
แนะนำว่าหากอยากซื้อเก็งกำไรขาขึ้นรอให้ราคาปิดเหนือ 1,495 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้งค่อยซื้อตามจะดีกว่า แต่หากอยากทยอยสะสม แนะนำให้สะสมราคาใกล้แนวรับดังนี้ 1,460 และ 1,435 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไป โดยหากราคายืนเหนือ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เป้าหมายระยะยาวถัดไปจะเป็น 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทันที
ข่าวเด่น