บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.)ทยอยแจ้งงบไตรมาส 3 ปี2562 ราว 213 บริษัท หรือคิดเป็น 47% ของ Market Cap ทั้งตลาด มีกำไรสุทธิรวมกัน 1.26 แสนล้านบาท เทียบเฉพาะบจ.ที่ประกาศงบแล้ว พบว่าไตรมาส 3 นี้ กำไรสุทธิลดลง 4.6% qoq และ ลดลง 22.5% yoy
หากดูเฉพาะธุรกิจภาคการผลิต (Real Sector) พบว่ากำไรสุทธิอ่อนตัวลงเช่นกัน มาที่ 6.07 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.4% QoQ และลดลงถึง 34.5%YoY กลุ่มที่กดดันหลักๆ จากกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งมีสัดส่วนกำไรราว 35.24% ของตลาด เช่น PTTEP, BANPU, GLOW, IVL และ PTTGC ตามด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่าง SCC รวมถึงกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น PSH, LPN, ORI และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการส่งออก อย่างชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, SVI เป็นต้น
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPได้ทำประมาณการกำไรสุทธิของบจ.รวมในปี 2562 ที่ 9.99 แสนล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกนี้ บจ.ทำกำไรสุทธิไปแล้ว 4.82 แสนล้านบาท เมื่อเป็นเช่นนี้หากจะให้กำไรรวมวิ่งไปถึงประมาณการที่ทำไว้ช่วงครึ่งหลังปีนี้ บจ.ต้องมีกำไร 5.17 แสนล้านบาทหรือเฉลี่ยไตรมาส3และ 4 ไตรมาสละ 2.59 แสนล้านบาท
ดังนั้นจะเห็นว่าเป้าหมายกำไรปี 2562 ที่ 9.99 แสนล้านบาท จึงเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและมีความเสี่ยงที่อาจถูกปรับลดประมาณการลง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯจะรวบรวมและหลังประชุมนักวิเคราะห์เสร็จสิ้น จะนำเสนออีกครั้ง
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสถานการณ์เช่นนี้ จึงแนะนำให้ลงทุนโดยการเกาะกระแส earning play เลือกหุ้นที่ผลประกอบการโดดเด่นและมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยในวันนี้ ฝ่ายวิจัยฯคัดกรองมาให้ 2 บริษัท ได้แก่ CPALL , STPI และ EA
ข่าวเด่น