ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาการขายหุ้น IPO ของ Saudi Aramco ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Saudi Aramco จะขายหุ้น IPO 1.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คาดกันว่ามูลค่ากิจการอยู่ในช่วง 1.6-1.7 ล้านล้านดอลลาร์ หากเทียบแล้วใหญ่กว่า SET Index กว่า 3 เท่า หรือใหญ่กว่าหุ้น PTT ราว 40 เท่า
ทั้งนี้คาดกันว่า Saudi Aramco จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นซาอุดิอาราเบียได้ในเดือนธ.ค.2562 นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจองซื้อหุ้น IPO และกำหนดส่งแบบฟอร์มเสนอซื้อสำหรับนักลงทุนต่างชาติ คือวันที่ 4 ธ.ค.2562 ขณะที่นักลงทุนรายย่อยภายในวันที่ 28 พ.ย.2562
ประเด็นที่สำคัญคือ ทาง MSCI ได้ประกาศว่าจะนำหุ้น Saudi Aramco เริ่มเข้ามาคำนวณในดัชนีเป็นกรณีพิเศษ ในวันที่ 17 ธ.ค.2562 หากเริ่มซื้อขายภายในวันที่ 12 ธ.ค.2562 แต่หากเริ่มซื้อขายหลังวันที่ 12 ธ.ค.2562 MSCI จะเลื่อนการนำหุ้น Saudi Aramco เข้าคำณวนในดัชนีไปเป็นหลังวันที่ 5 ม.ค. 2563 เพราะช่วงท้ายปีเป็นวันหยุดคริสต์มาส ทำให้มีการซื้อขายน้อยกว่าปกติ
เมื่อมาวิเคราะห์เชิงปริมาณ ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส หรือ ASP พบว่า เริ่มเห็นการเร่งตัวปรับพอร์ตเตรียมเงินซื้อหุ้น Saudi Aramco โดยมีรายละเอียดดังนี้
ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ปรับตัวขึ้นเพียง 0.97% (mtd) น้อยกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอยู่มาก ที่ให้ผลตอบแทนถึง 2.34% (mtd) สาเหตุหนึ่ง คือ กองทุนต่างประเทศอยู่ในช่วงเตรียมเงินบางส่วนมาลงทุนในหุ้น IPO ของ Saudi Aramco รวมถึงรองรับสัดส่วนดัชนี MSCI ที่จะเปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ยังพบว่าหุ้นน้ำมันในหลายๆประเทศปรับตัวขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้ สะท้อนจากผลตอบแทนดัชนี MSCI ACWI Energy Sector ให้ผลตอบแทนเพียง 1.68% (mtd) น้อยกว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นถึง 4.39% (mtd)
ดังนั้นหากมาวิเคราะห์หุ้นน้ำมันของไทยพบว่าเริ่มเห็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เร่งตัวชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่อยู่ในดัชนี MSCI เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IVL, BANPU และ IRPC ถูกขายสุทธิเกือบทุกบริษัท ด้วยราคานํ้ามันที่ยังผันผวนจากหลากหลายประเด็น ทั้งความไม่แน่นอนในการสงบศึกสงครามทางการค้าสหรัฐฯกับจีน รวมถึงกลุ่ม OPEC กับ Non-OPECจะจับมือกันลดกำลังการผลิตหรือไม่
ที่สำคัญอาจเห็นการเตรียมปรับพอร์ต (rebalance) ของกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนตามดัชนี MSCI โดยเฉพาะหุ้นพลังงานที่อยู่ในดัชนี MSCI ในช่วงที่เหลือของปี เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IVL, BANPU และ IRPC ก็มีความเสี่ยงเป็นลำดับต้นๆที่จะได้รับผลกระทบจากการจองซื้อหุ้น IPO ของ Saudi Aramco พร้อมกับรองรับสัดส่วนของดัชนี MSCI ที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้นจึงน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันการปรับขึ้นของ SET เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี มีสัดส่วน Market Cap รวมกันสูงถึง 26.4% ของหุ้นทั้งหมดในตลาด
ข่าวเด่น