ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น TRUBB
ก.ล.ต.เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย ได้แก่ นางสาวปัญจมา เธียรวิวรรธน์ นายอรรถวิท เธียรวิวรรธน์ และนางทิพวรรณ สุธาทิพย์กุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TRUBB) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง รวมจำนวน 4,598,967.29 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในเกี่ยวกับ ผลประกอบการของ TRUBB ในช่วงต้นปี 2560 ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยงบการเงินไตรมาส 1 มีกำไร 109 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 30.45 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่กำไร 15.72 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น TRUBB ก่อนที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) นางสาวปัญจมา ขณะเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของบริษัทย่อยของ TRUBB ซึ่งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลประกอบการดังกล่าวของ TRUBB รวมถึงบริษัทย่อยที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสเดียวกัน จากการปฏิบัติงาน เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น TRUBB ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 26 เมษายน 2560 จำนวน 647,500 หุ้น
(2) นายอรรถวิท ซึ่งเป็นพี่ชายนางสาวปัญจมา เชื่อได้ว่าได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าวจากนางสาวปัญจมา ได้ซื้อหุ้น TRUBB ผิดไปจากปกติวิสัยของตน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 5 พฤษภาคม 2560 จำนวน 4,757,300 หุ้น
และ (3) นางทิพวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TRUBB และเป็นมารดาและภรรยาของกรรมการและผู้บริหาร TRUBB เชื่อได้ว่าได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ซื้อหุ้น TRUBB ผิดไปจากปกติวิสัยของตน ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 จำนวน 4,000,000 หุ้น
โดยบุคคลทั้งสามได้ขายหุ้น TRUBB และได้กำไรจากการขาย ภายหลังจากที่ผลประกอบการถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560
การกระทำของผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายดังกล่าว เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5* สำหรับนางสาวปัญจมา ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(3) นายอรรถวิท ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 244(4) และนางทิพวรรณ ตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 244(1)(3)(5) นอกจากนี้ นางสาวปัญจมา ได้เปิดเผยข้อมูลภายในข้างต้นแก่นายอรรถวิทโดยรู้ว่านายอรรถวิทจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหุ้น TRUBB อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(2) โดยการกระทำผิดของทั้ง 3 รายมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนางสาวปัญจมา นายอรรถวิท และนางทิพวรรณ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. สำหรับนางสาวปัญจมารวมเป็นเงิน 1,310,456.33 บาท นายอรรถวิท รวมเป็นเงิน 1,716,669.63 บาท และนางทิพวรรณ รวมเป็นเงิน 1,571,841.33 บาท
ค.ม.พ. ได้กำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ สำหรับนางสาวปัญจมา เป็นเวลา 24 เดือน สำหรับนายอรรถวิท และนางทิพวรรณ รายละ 12 เดือน โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง หากไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับ ทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมทั้งขอให้ศาลแพ่งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 เท่าของระยะเวลาที่ ค.ม.พ. กำหนด นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
ข่าวเด่น