ดัชนีมีความพยายามดีดกลับขึ้นมายืนปิดในแดนบวกเล็กน้อย โดยยังมีแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าหรือการออกกฎหมายของสหรัฐ เห็นชอบกับการปกครองเกาะฮ่องกงก็ตาม ทำให้บรรยากาศกลับมาครุกกรุ่นอีกครั้ง
หากวันนี้(25 พ.ย.)ดัชนียังประคองตัวดีดกลับไม่ผ่านขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 1,600 จุดอีก ดัชนียังอาจจะซึมลงต่อได้โดยมีแนวรับแรกแถวๆ 1,593-1,591 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,583 จุด ในขณะที่แนวต้านอยู่แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ที่ 1,609-1,611 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ KBANK ซึ่งมีแนวรับที่ 151.50,150.00 บาท มีแนวต้านที่ 154.00, 156.50-157.50 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์โดยสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ MACD เริ่มดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้แล้ว
หากวันนี้ ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 151.50 บาท หรือเต็มที่ไม่หลุด 150 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 154 บาทก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 156.50-157.50 บาทต่อไป
ด้าน PSL มีแนวรับที่ 7.20-7.15 บาท ซึ่งมีแนวต้านที่ 7.35-7.40 , 7.60 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์โดยสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ MACD เริ่มดีดกลับแต่ยังไม่พ้นระดับศูนย์
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 7.20-7.15 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 7.35-7.40 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 7.60 บาทต่อไป
STEC มีแนวรับที่ 14.40 บาท ส่วนแนวต้าน 14.80-14.90, 15.40 บาท ซึ่งมีระดับราคาสามารถประคองตัวยืนได้ไม่ลงต่อ โดยสามารถประคองตัวปิดได้แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางมากๆ
หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 14.40 บาทซะก่อนระดับราคาจึงพอจะมีลุ้นดีดกลับผ่าน 14.80-14.90 บาท หรือทำ New high แถวๆ 15.40 บาทต่อไป
ด้านตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเวลา 11.00 น วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,464.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,467.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับลงราว 3.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างสัปดาห์ผันผวนตามข่าวการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมากพอสมควร โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,456.28-1,478.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกปรับลงทันทีเมื่อที่ปรึกษาทำเนียบข่าวกล่าวว่า การเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดแรงขายทองคำออกมาก่อนที่จะดีดตัวขึ้นหลังประธานาธิบดีสหรัฐยังยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ราคาดีดขึ้นสูงสุดไปแตะระดับ 1,478 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อมีข่าวว่าสหรัฐและจีนไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาเฟสแรก ซึ่งออกมาพร้อมกับข่าวที่สภาคองเกรสสหรัฐมีมติออกกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ซึ่งทำให้ดูจะขัดแย้งกับจีนเพิ่มขึ้น ก่อนที่ราคาจะปรับลงอีกครั้ง ในช่วงปลายสัปดาห์หลังข่าวเฟดมีมุมมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น และไม่เห็นด้วยกับการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงแข็งค่า 0.06 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.195 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.265 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 30.160-30.265 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำว่าหากอยากซื้อเก็งกำไรขาขึ้นรอให้ราคาปิดเหนือ 1,495 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งค่อยซื้อตามจะดีกว่า แต่หากอยากทยอยสะสม แนะนำให้สะสมราคาใกล้แนวรับดังนี้ 1,460 1,440 และ 1,420 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ โดยเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1,475-1,495 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไปหรือสะสมเพิ่มเมื่อลงมาอยู่ช่วงระหว่าง 1,380-1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป้าหมายปีหน้ายังอยู่บริเวณ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคายืนเหนือ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เป้าหมายระยะยาวถัดไปจะเป็น 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทันที
ข่าวเด่น