เห็นตัวเลขการก่อหนี้ของคนไทยแล้วก็เป็นที่น่ากังวลเมื่อแบงก์ชาติ พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา “คนไทยเป็นหนี้มากขึ้น เร็วขึ้นและนานขึ้น”
โดยในปี 2552 จำนวนหนี้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทย 377,109 บาท เพิ่มขึ้น 47% เป็น 552,499 บาทในปี 2561 โดย 50%ของคนไทยเป็นหนี้ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือหนี้บัตรเครดิต 1 ใน 5 ของผู้กู้ในช่วงอายุ 29 ปีกลายเป็นหนี้เสียและยังพบอีกว่า“แม้วัยเกษียณ ก็ยังไม่สามารถชำระหนี้หมดสิ้น โดยคนอายุ 60-69 ปี ยังมีหนี้เฉลี่ย 453,438 บาท” ที่สำคัญทุกคนเริ่มหันกลับมาถามตัวเองแล้วว่า ตัวคุณเองเป็นหนึ่งในคนไทยที่มีหนี้มากขึ้น เร็วขึ้นและนานขึ้นด้วยหรือไม่
หากคุณเป็นเช่นนั้น วันนี้มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯและดร.ฬุลิยา ธีระธัญศิริกุล พร้อมช่วยคุณหาทางออกและหามีวิธีการจัดการอย่างไร ให้หนี้คุณลดลงและคุณต้องชำระหนี้ให้หมดได้ในเร็ววัน ดังนั้นวันนี้ขอแนะนำคุณเข้าสู่โหมดการปลดหนี้อย่างง่าย
โดยคุณต้องเริ่มจาก สำรวจหนี้สินที่มีทั้งหมด โดยคุณต้องเขียนรายละเอียดหนี้ที่มีทั้งหมด ณ ปัจจุบัน ว่าคุณเป็นหนี้ใครบ้าง หนี้เกิดจากอะไร ยอดหนี้คงค้าง ณ วันนี้มีเท่าไหร่ คุณมีภาระชำระหนี้ต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระที่เหลือ วันที่ครบกำหนดชำระในแต่ละเดือนและหมายเหตุที่เป็นรายละเอียดอื่นๆ ที่จำเป็นตามความต้องการของตัวเอง โดยอาจเขียนเป็นรายการ หรือจัดทำเป็นตาราง
จากนั้นคุณต้องสำรวจความสามารถในการชำระหนี้ เพราะโดยปกติความสามารถในการชำระหนี้ มาจากส่วนต่างระหว่างรายได้และค่าใช้จ่าย แม้หนี้บางชนิด คุณโดนหักจากเงินเดือนไปแล้วก็ตาม
ตัวเลขความสามารถในการชำระหนี้ นอกจากจะนำไปใช้ในการวางแผนการชำระหนี้แล้ว คุณยังสามารถนำไปใช้วางแผนการออมและการเป็นหนี้ในอนาคตได้ด้วย หากคุณยังไม่เคยทำบัญชีรายได้และค่าใช้จ่าย คุณควรเริ่มลงมือทันที
ลองดูตัวอย่างกันนิดหนึ่ง หากคุณมีความสามารถในการชำระหนี้ จากการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย กรณีถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ได้รับเงินเดือนทุกวันที่ 25 ของเดือนและมีเงินเหลือจากการใช้จ่ายเดือนละ 6,000 บาท
ตามมาด้วย คุณต้องวางแผนการชำระหนี้ เมื่อคุณได้รายการหนี้ที่ต้องชำระและความสามารถในการชำระหนี้แล้ว คุณต้องจัดทำแผนการชำระหนี้ในรูปแบบ Timeline แล้วอาจพบว่า
หนี้ที่ต้องชำระน้อยกว่าความสามารถในการชำระหนี้ เงินส่วนที่เกินอาจนำไปชำระหนี้เพิ่มเติม มากกว่าที่เจ้าหนี้กำหนด เพื่อให้หนี้หมดเร็วขึ้นหรืออาจนำเงินส่วนเกินไปวางแผนการออมหรือการลงทุนเพิ่มค่าเงินออม
หากหนี้ที่ต้องชำระมากกว่าความสามารถในการชำระหนี้ แสดงให้เห็นว่า คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่เจ้าหนี้กำหนดไว้ อาจจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสีย หรือต้องมีภาระผูกพันในรูปแบบอื่นเพิ่มอีก
จากตัวอย่างพบว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้น้อยกว่าภาระชำระหนี้ในแต่ละเดือน
สำหรับ วิธีการจัดการเพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ โดยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งคุณต้องเพิ่มรายได้หรือลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีส่วนต่างของภาระหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ 1,000 บาท (7,000 – 6,000) จึงสามารถเลือกใช้วิธีการหารายได้เพิ่มอีกเดือนละ 1,000 บาท หรือลดค่าใช้จ่ายจำนวน 1,000 บาท เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้ในแต่ละเดือน กรณีนี้จะชำระหนี้หมดได้ภายในกำหนด
หรือคุณอาจจะเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอลดจำนวนเงินชำระต่อเดือนและขยายระยะเวลาชำระหนี้ เช่น ขอลดจำนวนเงินชำระหนี้ต่อเดือนจาก 5,000 บาทของธนาคาร B เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าธนาคาร A เหลือเดือนละ 4,000 บาท
การทำเช่นนี้ เพื่อให้ภาระหนี้ที่ต้องชำระ เท่ากับความสามารถในการชำระหนี้พอดีแต่กรณีนี้จะทำให้ภาระหนี้ที่ชำระต้องขยายระยะเวลาออกไปนานกว่าที่กำหนดไว้และต้องชำระดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากเดิม
และสุดท้ายก็คือคุณต้องชำระหนี้ตามแผนและวางแผนเงินออม โดยคุณต้องชำระหนี้ให้ได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุด แม้ว่าจะวางแผนดีมากแต่ไม่สามารถทำตามแผนได้ ภาระหนี้ก็จะไม่หมดตามที่กำหนดไว้ และเมื่อชำระหนี้หมดแล้วควรวางแผนการออมเงินและการลงทุนต่อไป
เพียงคุณลองเริ่มต้นทำตามขั้นตอนง่ายๆเหล่านี้ดู รับรองหนี้หมดไวอย่างง่ายดายและมีเงินออมก่อนวัยเกษียณแน่นอน
ข่าวเด่น