ดัชนีมีการแกว่งตัวในแดนบวกและลบเล็กน้อยสลับกัน หลังจากปรับตัวขึ้นแรงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า เกิดเป็นสัญญาณคล้ายโดจิ มีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวกลับลงมาได้เล็กน้อย โดยมีแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 1,566-1,565 จุด
หากดัชนีไม่หลุดลงมาปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าวซะก่อน ดัชนีจึงจะมีโอกาสดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้ โดยมีแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์และเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1,580-1,582 จุด หากวันนี้ (23ธ.ค.) ดัชนีผ่าน หรือปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ ค่อยเพิ่มลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 1,606 จุดต่อไป
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น JKN ซึ่งแนวรับ 4.94-4.90 บาท และมีแนวต้าน 5.10 , 5.20 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากในรอบสัปดาห์ มีความพยายามดีดกลับ แต่ถูกแรงขายทำกำไรระยะสั้นกลับลงมาแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5,10 และ 25 วันก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายสัปดาห์เกิดสัญญาณ Golden cross หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 4.94-4.90 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับแถวๆ 5.10 บาทต่อไป
ส่วน ESSO มีแนวรับ 8.05-7.95 บาท และมีแนวต้าน 8.30 , 8.50 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปิดได้ในระดับสูงของวันและปิดออกไปนอกกรอบ Bollinger Top เล็กน้อย และหากวันนี้ ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 8.05-7.95 บาทซะก่อน มีโอกาสที่ระดับราคาจะดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 8.30 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 8.50 บาทต่อไป
และหุ้น KSL มีแนวรับ 2.20-2.18 บาท และมีแนวต้าน 2.26 , 2.34 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยปิดได้ในระดับสูงของวัน ประกอบกับ MACD ที่ดีดกลับขึ้นมาได้ไม่หลุดลงไปต่ำกว่าศูนย์ซะก่อน หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 2.20-2.18 บาทซะก่อน มีโอกาสที่ระดับราคาจะดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 2.26 บาท ก่อนผ่านขึ้นต่อแถวๆ 2.34 บาทต่อไป
ส่วนบรรยากาศตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่าน เมื่อถึงเมื่อเวลา 14.00 น. วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 โดยราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,478.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,475.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นราว 3.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แกว่งตัวตลอดสัปดาห์ค่อนข้างแคบเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่มากกระทบตลาด
ราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมากพอสมควร โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,470.36-1,481.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์หลัง
ทั้งสหรัฐและจีน ส่งสัญญาณประสบความสำเร็จ ในการเจรจาสงครามการค้า ซึ่งน่าจะเซ็นข้อตกลงกันได้ในช่วงมกราคมปีหน้า ทำให้ราคาทองคำปรับย่อตัวลงสวนทางกับสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ราคาทองคำเริ่มกลับมาดีดขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ หลังมีข่าวสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ ในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส
แม้ราคาทองคำโลกจะปรับลง แต่ยังอยู่ในกรอบ Sideway Down ซึ่งยังเป็นการพักฐาน แนวรับหลักที่ไม่ควรหลุดต่ำกว่ายังอยู่ที่ 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ช่วงนี้ยังเป็นโอกาสสะสมทองคำเข้าพอร์ตสำหรับคนที่สนใจ ส่วนนักเก็งกำไร ยังไม่ใช่จุดเข้าซื้อในช่วงนี้ ยังมองว่านักเก็งกำไรระยะสั้นควรซื้อตามเมื่อราคายืนเหนือ 1,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วเท่านั้น
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.005 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.185 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.190 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 30.165-30.265
คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำว่าหากอยากซื้อเก็งกำไรขาขึ้น รอให้ราคาปิดเหนือ 1,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งค่อยซื้อตามจะดีกว่า โดยเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นจะอยู่บริเวณ 1,515 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไปหรือสะสมเพิ่มเมื่อลงมาอยู่ช่วงระหว่าง 1,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือใกล้เคียง เป้าหมายปีหน้าอยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น