ในปี 2563 หรือปีหนูทองคำ เชื่อว่ามีคู่รักหลายๆคู่ กำลังสานฝันจะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีโดยมีคู่รักจำนวนไม่น้อยที่มีต้นทุนที่ดี เพื่อใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน และมีความสุขจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ พร้อมเริ่มสตาร์ทการใช้ชีวิตคู่กันได้อย่างไม่ต้องกระเหม็ดกระแหม่
ขณะเดียวกันก็มีคู่รักจำนวนไม่น้อย เมื่อตกลงใจจะแต่งงานกันและยังมีต้นทุนน้อยนิดและกลับไม่ได้มีการวางแผนเรื่องเงินเก็บเพื่อสานฝันในวันแต่งงาน จึงต้องหันไปหยิบยืมเงินมาจากหลากหลายแหล่งที่จะเอื้ออำนวยให้คู่รักได้หยิบยืมมาสานฝันวันวิวาห์ให้สำเร็จ แต่สิ่งที่ตามมาแม้จะสุขทางใจที่ทั้งคู่ได้แต่งงานกันสมใจ ซึ่งก็เป็นเพียงความสุขแค่เพียงข้ามคืน จากนั้นก็กลายเป็นความทุกข์ยากหลังวันแต่งงาน โดยคุณและคู่รักต้องทำงานหนัก เพื่อใช้หนี้งานแต่งงานยาวกันไปอีกหลายปี
ดังนั้นมิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯขอบอกว่าการวางแผนออมเงินเพื่อการแต่งงาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณและคนรักของคุณต้องเตรียมพร้อม เพื่อความสุขสมบูรณ์ วันนี้จึงเอาสิ่งดีๆ มาฝากสำหรับ 5 แนวทางที่ช่วยให้คุณมีความสุขทั้งก่อนและหลังแต่งงานแบบที่คนอื่นต้องอิจฉา แม้คุณจะมีต้นทุนน้อยก็ตามหากคุณทำตามนี้
แนวทางแรกคุณต้องกำหนดวันแต่งงานก่อน เพื่อแสดงคำมั่นสัญญาแห่งรักของทั้งสองฝ่ายที่สำคัญยังช่วยให้เกิดความชัดเจนของเป้าหมายและระยะเวลาวางแผนออมเงินสำหรับงานแต่งงาน โดยคุณสามารถกำหนดเบื้องต้นว่า คุณและคนรักจะแต่งงานกันในอีกกี่ปีข้างหน้า เช่น อีก 2 ปี หรือ 3 ปีข้างหน้า (ซึ่งช่วงนี้คุณอาจจะพิสูจน์กันและกันได้อีกว่า ยังรักกันเหนียวแน่นอยู่ไหม ไปต่อได้ไหมหรือไปต่อไม่ได้)
จากนั้นคุณและคนรักก็ต้องมาสำรวจค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยประเมินรายละเอียดค่าใช้จ่ายว่าจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับอะไรบ้าง เช่น สินสอด แหวนหมั้น ชุดแต่งงาน ขบวนแห่ขันหมาก การจัดงานเลี้ยงและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จำเป็นในการแต่งงาน
อันนี้ขอแนะนำเพิ่ม คุณควรพิจารณาทางเลือกที่จะต้องช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานด้วย ซึ่งคุณและคนรักของคุณ ต้องช่วยกันตัดสินใจกำหนดงบประมาณให้ชัดเจน เพื่อจัดสรรเงิน ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
โดยทั้งหมดนี้เป็นรายการค่าใช้จ่ายคร่าวๆซึ่งไม่ว่าจะจัดในกรุงเทพฯหรือในเขตเมืองใหญ่ๆก็ต้อง เตรียมเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 150,000 บาทขึ้นไปสำหรับงานแต่งงานในโรงแรม ร้านอาหาร สมาคมหรือสโมสร แต่ถ้าจัดในต่างจังหวัดแบบประหยัดๆ เลี้ยงเฉพาะในหมู่ญาติสนิทอย่างน้อยก็ต้องเตรียมเงินไว้ 50,000 บาทขึ้นไป โดยที่ยังไม่รวมค่าสินสอดทองหมั้น แหวนแต่งงานของคู่บ่าวสาวอีกด้วย
เมื่อคุณรู้เป้าหมาย ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว คุณก็อย่ารอช้า คุณต้องรีบเดินหน้าเก็บเงินเพื่อการแต่งงาน โดยแบ่งออมเงินแบบรายเดือน เช่น เป้าหมายเก็บเงินสำหรับแต่งงาน 500,000 บาท ภายในเวลา 3 ปี หรือ 36 เดือน คุณก็ต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละ 14,000 บาท และตกลงร่วมกันว่าจะช่วยกันออกในสัดส่วนเท่าไหร่ เช่น คนละครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเดือนละ 7,000 บาท และอาจเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินในงานแต่งงานเพิ่มด้วย
จากนั้นคุณควรเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะคู่รักที่อยากลดภาระการเก็บเงินต่อเดือนและสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง ซึ่งอาจลองศึกษาทางเลือกการลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆ เช่น กองทุนรวมผสม กองทุนรวมหุ้น เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้ แต่คุณต้องอย่าลืมประเมินภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนให้รอบคอบ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาด คุณก็อาจจัดงานแต่งงานในฝันไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้
ขณะเดียวกัน คุณและคู่รักคุณ ต้องใช้เงินตามแผนที่กำหนด โดยอย่าเพิ่มสิ่งที่ไม่จำเป็นมากเกินไป เพราะจะทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลายได้และก็ไม่ควรจะประหยัดจนเกินไป เพราะจะทำให้งานแต่งงานในฝันออกมาไม่ประทับใจตามที่คาดหวังไว้ หลังเสร็จสิ้นงานแต่งงานแล้วลองคำนวณดูว่า มีเงินเหลือเท่าไหร่ ก็นำเงินก้อนนั้นมาเป็นเงินกองกลางของครอบครัวเพื่อ เริ่มต้นชีวิตคู่ต่อไป และการแต่งงาน เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งตัวของครอบครัวใหม่
.jpeg)
ข่าวเด่น