“เอเซีย พลัส”มองหุ้นไทยปี 63 เผชิญหลายแรงกดดันทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมแนะลงทุนหุ้นที่โตโดดเด่นจากปัจจัยเฉพาะตัว เพื่อเลี่ยงความเสี่ยง คาดเป้าดัชนีสิ้นปี 1,675 จุด
คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส หรือ ASPS กล่าวว่า ปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังต้องเจอกับแรงกดดันหลายเรื่อง โดยในส่วนของภายนอกนั้น มีความเสี่ยงจากประเด็นเรื่องสงครามการค้าจากประเทศคู่ค้าอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯกับจีน ซึ่งจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยให้ชะลอตัว รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน
ขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศ มีประเด็นความร้อนแรงทางการเมือง ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่ในปีนี้จะหนักสุดในรอบ 40 ปี กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเกษตร และการบริโภคประชาชนที่อยู่ในภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้ยังมีเรื่องการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ ที่ถือเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของตลาดด้วย
“ปีนี้ตลาดยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายเรื่อง ทั้งภายในและภายนอก จากปัจจัยที่เรากล่าวมาทั้งหมด เชื่อว่าจะกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และในปีนี้เป็นปีแรกที่ขาดเม็ดเงินจากกองทุน LTF เข้ามาช่วยหนุนตลาดด้วย” คุณเทิดศักดิ์ กล่าว
คุณเทิดศักดิ์ กล่าวว่าในปี 2563 ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ราว 1.0 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 95.71 บาท เติบโต 3.9% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าตลาด ส่วนใหญ่เกิดจากฐานกำไรสุทธิปี 2562 ที่ต่ำกว่าปกติ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในปี 2563 ประเมินแบบอนุรักษ์นิยมไว้ในช่วงพี/อี เรโชที่ 16.5 -17.5 เท่า เมื่อคำนวณกับ EPS ปีนี้ที่ 95.71 บาทต่อหุ้น จะได้กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index บริเวณ 1,579 จุด เป็นกรอบล่าง และมี 1,675 จุด เป็นกรอบบน มี Upside เปิดกว้างสุดจากปัจจุบันราว 6.8%
ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวถึง กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1 ปี 2563 นี้ เนื่องจากสถานการณ์ในปีนี้ มีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ดังนั้นการลงทุนจึงต้องเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่น BGRIM, PTT/ LH, AP, ROBINS และ CPF เป็นต้น
ข่าวเด่น