หุ้นทอง
สถานการณ์ตะวันออกกลางรุนแรง หุ้นไทยน่ากลัวแค่ไหน


ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านผ่อนคลายลง หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงถึงประเด็นที่อิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก โทนโดยรวมมีท่าทีผ่อนคลายและมีใจความสำคัญ คือ ไม่มีทหารสหรัฐฯเสียชีวิต ฐานทัพสหรัฐฯเสียหายเล็กน้อย และอิหร่านมีท่าทีอ่อนลงในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ

 
แต่สหรัฐฯยังเรียกร้องชาติพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, เยอรมนี, จีน ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 และที่สำคัญ คือ เตรียมออกมาตรการควํ่าบาตรเศรษฐกิจอิหร่านเพิ่มจากปัจจุบันที่ควํ่าบาตรอิหร่าน โดยจำกัดการส่งสินค้าบางชนิดไปอิหร่าน ห้ามอิหร่านส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ ห้ามสถาบันการเงินอิหร่านทำธุรกรรมการเงินกับสหรัฐฯ เป็นต้น
 
โดยรวมถือว่าทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย จากเดิมตลาดกังวลว่า สหรัฐจะแข็งกร้าวคือใช้อำนาจทางทหาร สถานการณ์ที่ผ่อนคลายขึ้น ทำให้ในระยะสั้น เงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย คือ ทองคำ และพันธบัตร และกดดันราคาน้ำมันดิบปรับฐานแรง แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะดูดีขึ้น แต่ใช่ว่าจะวางใจได้เสียทีเดียว ดังนั้นฝ่ายวิจัย ASP จึงได้ทำการศึกษาผลกระทบจากเหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง เรียกว่าเป็นการย้อนรอยดูสถานการณ์ในอดีตว่า มีผลต่อราคาน้ำมัน หุ้นน้ำมัน และกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไร  
 
 
 
เมื่อย้อนรอย 3 เหตุการณ์สงครามสำคัญๆ ในอดีต พบว่า สงครามอ่าวเปอร์เซีย Gulf War เกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. 1990 คือ อิรักปิดล้อมคูเวต พบว่าราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 145% ในเวลาเพียง 5 เดือน จาก 16.4 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขึ้นมาที่ 40.15 เหรียญฯ
 
สหรัฐฯคว่ำบาตรออิหร่าน เริ่มเดือนธ.ค. 1994 ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 17% จาก 16.42 เหรียญฯ ขึ้นมาที่ 19.17 เหรียญฯ ในเวลาราว 4 เดือน
 
เหตุการณ์ 9/11 วันที่ 11 ก.ย. 2001 เป็นการโจมตีสหรัฐฯแบบพลีชีพทางอากาศ และปี 2002 สหรัฐฯค้นพบฐานลับที่อิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ ประธานาธิบดี George W. Bush ประณามอิหร่านว่าเป็นผู้ก่อการร้ายกินเวลารวม 1 ปี 6 เดือน พบว่า ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 24% จาก 27.45 เหรียญฯ มาที่ 34.1 เหรียญฯ
 
โดยสรุปแล้ว ส่วนใหญ่เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางมักจะส่งผลให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นแรงและส่งผลดีต่อหุ้นน้ำมันในระยะสั้น และน่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก SET Index มีสัดส่วนในหุ้นกลุ่มพลังงานมากสุด ที่ 22.9%
 
จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของหุ้นน้ำมันกับ SET Index พบว่า หากประเด็นความขัดแย้งสหรัฐฯกับอิหร่านยืดเยื้อ บานปลาย แรงหนุนตลาดหุ้นไทยจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสปรับขึ้นแรง อาจไม่ได้ร้อนแรงเหมือนในอดีต โดยฝ่ายวิจัยฯได้วิเคราะห์น้ำหนักของหุ้นน้ำมันใน SET Index พบว่า ลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับอดีตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นดังนี้
 
 
 
1. ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีบริษัทจดทะเบียน(บจ.) เพิ่มมา 120 บริษัท (จาก 504 บริษัทเป็น 624 บริษัท) แต่ในจำนวนบจ.ที่เพิ่มใหม่ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพลังงาน มากถึง 101 บริษัท ส่งผลให้ สัดส่วน Market Cap ของหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลงจาก 29.3% เหลือเพียง 22.9%
 
2.หากวิเคราะห์สัดส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน พบว่า มีหุ้นน้ำมันเพิ่มมาเพียง 1 บริษัทเท่านั้น (เข้า คือ SPRC และ PTG แต่มีออกคือ PTTAR) ขณะที่บจ.ที่ไม่ได้ทำธุรกิจน้ำมัน แต่อยู่ในกลุ่มพลังงาน เพิ่มขึ้นถึง 18 บริษัท ดังนั้นทำให้น้ำหนักหุ้นน้ำมัน เมื่อเทียบกับกลุ่มพลังงาน ลดน้อยลงจาก 80% ใน 10 ปีที่แล้ว เหลือเพียง 56% เท่านั้น
 
3.ขณะที่น้ำหนักหุ้นที่ไม่ได้ทำธุรกิจน้ำมันแต่อยู่ในกลุ่มพลังงาน เมื่อเทียบกับกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นจาก 20% หรือคิดเป็น 5.8% ของSET Index เป็น 44% หรือคิดเป็น 10.1% ของ SET Index
 
 
 
ผลจากการศึกษา สรุปได้ว่าสัดส่วน Market Cap ของหุ้นน้ำมันในปัจจุบันลดลงไปมากเมื่อเทียบกับตลาด โดยลดลงจาก 23.5% เมื่อปลายปี 2552 เหลือเพียง 12.8% ในปัจจุบัน ส่งผลให้แรงผลักดันตลาดจากหุ้นน้ำมันในปัจจุบันลดน้อยลงไปกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับอดีต 10 ปี ที่ผ่านมา
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ม.ค. 2563 เวลา : 14:52:21
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:46 pm