หุ้นทอง
กลยุทธ์ลงทุนเดือน ม.ค.ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง 45% ลดพอร์ตลงทุนหุ้นไทยลง 5%


เริ่มต้นการลงทุนเดือน ม.ค.2563 กันด้วยความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยครับ SET Index เหวี่ยงยังกับรถไฟเหาะ สำหรับเดือนม.ค.นี้ ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส หรือ ASP ประเมินตลาดจะอยู่ในภาวะที่อึดอัดและผันผวนครับ ดังนั้นการจัดพอร์ตลงทุน จึงต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้เรามีกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนในเดือนม.ค.มาฝากกันครับ 

 
 
 
ฝ่ายวิจัยฯมองว่าแม้การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯจะบรรลุข้อตกลงเฟส 1 และจะเซ็นสัญญาในเร็วๆนี้ แต่ถัดไปก็ยังคงมีสัญญาเฟส 2 ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและเชื่อว่าสงครามการค้า โดยการตั้งกำแพงภาษียังมีอยู่ โดยประเด็นสงครามการค้ายังจะวนเวียนและมีโอกาสสร้าง Downside ต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
 
ขณะที่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านเข้ามา กลายเป็นมาร่วมสร้างความผันผวนและความไม่แน่นอนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ตลอดเวลา ในสถานการณ์เช่นนี้ ฝ่ายวิจัยฯเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 45% ของพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งเป็นดังนี้
 
 
 
 
1.สัดส่วนลงทุนหุ้นไทย 35% (เท่ากับ Benchmark) โดยเดือนม.ค.นี้ ฝ่ายวิจัยฯได้ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยลง 5% จากเดือนที่แล้ว เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจปี 2563 ยังชะลอตัวคาดว่าจะโต 2.8% และเติบโตได้น้อยกว่าเศรษฐกิจโลก ซึ่ง IMF คาดว่าโต 3.4% ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญประเด็นการเมือง ที่อาจร้อนแรงขึ้นในเดือนม.ค.นี้  และค่าเงินบาทที่แข็งค่า กดดัน Fund flow ยังมีโอกาสชะลอการไหลเข้า ส่วนหุ้นที่เลือกลงทุนมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ มีหุ้นตัวไหนบ้าง ดูได้จากพอร์ตจำลองของฝ่ายวิจัยฯ ซึ่งผลตอบแทนล่าสุดทำได้ดีมากสูงถึง 2.8% ytd เทียบกับ SET Index ที่ติดลบ 0.01%
 
2.สัดส่วนลงทุนหุ้นต่างประเทศ 10% (น้อยกว่า Benchmark) ในปี 62ที่ผ่านมาหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวขึ้นร้อนแรงมากจนหลายๆตลาด  RSI เริ่มอยุ่ในเขต Overbought เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้นไปกว่า 30% (เฉลี่ย 20 ปี  ขึ้นราว 5% ต่อปี) จนตอนนี้มี Expected P/E 2020F สูงถึง 18.8 เท่า สำหรับหุ้นต่างประเทศที่ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำนั้น เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และ Valuation ไม่แพงมากนัก เพื่อลดความเสี่ยง หากมีปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้น เช่น Electronic Arts Inc และ Shenzhou International Group Holdings เป็นต้น
 
 
 
 
สัดส่วนอีก 55% เลือกลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย แบ่งเป็น
 1.สัดส่วนลงทุนในตลาดเงิน 15% (เท่ากับ Benchmark) เน้นลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการพักเงิน และให้ผลตอบแทนสูงกว่า หรือเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
 2.สัดส่วนลงทุนตลาดตราสารหนี้ 15% (เท่ากับ Benchmark) เป็นอีกหนึ่งในแหล่งพักเงินที่ดี ยามตลาดหุ้นมีปัจจัยเสี่ยงจากรอบด้านและล่าสุดธปท.ยังไม่ปิดโอกาสสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวเพิ่ม อาจเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาพันธบัตร (Yield ปรับลดลง)
 
สัดส่วนการลงทุนในทางเลือกลงทุนอื่นๆ 10% (เท่ากับ Benchmark) แบ่งเงินบางส่วนลงทุนใน FCN ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ Electronic Arts Inc, Illumina Inc และ Baker Hughes Co ยังคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนคงที่กว่า 10% ต่อปี ถือเป็นการลดความเสี่ยงที่ดี และเอาชนะผลตอบแทนจากตลาดเงินได้

 
 
รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าว แฟนเพจติดตามได้ในบทวิเคราะห์รายเดือน ซึ่งฝ่ายวิจัยฯนำเสนอทุกเดือนครับ โดยที่ผ่านมาผลตอบแทนที่ได้จากการจัดสินทรัพย์ลงทุน ตามกลยุทธ์ของฝ่ายวิจัยฯทำได้ดีอย่างสม่ำเสมอ ในปี 2562 ทำผลตอบแทนสูงถึง 11.0% ชนะ Benchmark ที่ให้ผลตอบแทน 5.9% ครับ ท่านใดอยากจะจัดพอร์ตลงทุนตาม ลองศึกษาดูครับ 

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีความสุข ได้กำไรเข้ากระเป๋ากลับบ้านกันทุกวันนะครับ

LastUpdate 10/01/2563 15:18:24 โดย : Admin
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:32 pm