หุ้นทอง
เอเซีย พลัส แนะหุ้นผันผวนควรหมุนลงทุนหุ้นน่าสนใจ


ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งเหมาะกับการ rotate หรือการหมุนไปลงทุนในกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ หุ้นธีมที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง ติดตามได้จากบทวิเคราะห์นี้เลยครับ

 
โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทย (GDP Growth) ในปี 2563 คาดขยายตัว 2.8% yoy แต่ เห็นความเสี่ยง Downside Risk ที่จะทำให้การเติบโตตํ่ากว่าคาดได้ หลักๆมาจากภาคส่งออก ที่มีสัดส่วนใหญ่สุดราว 68%ของ GDP คาดผลกระทบปี  3 ยังคงมาจาก 1. กำแพงภาษีของสหรัฐฯต่อสินค้านำเข้ากับจีน โดยเฉพาะปีนี้จะได้รับผลกระทบเต็มปีจากรอบ 3-4.1
 
 
 
 
2.เงินบาทแกว่งตัวแข็งค่าบริเวณ 30.2 บาทต่อดอลลลาร์สหรัฐ ผลกระทบจากทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวต่อภาคส่งออกนั้น หากพิจารณาในอดีต เห็นได้ว่าส่งออกไทยสะท้อนจากมูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์ในปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 รายเดือน ลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งในปี 2563 มีโอกาสที่มูลค่าส่งออกไทยจะลดลงเมื่อเทียบปี 2562 และจะกระทบต่อ GDP Growth โดยในเบื้องต้น ASPS ได้ศึกษาผลกระทบหากส่งออก(X)ลดลงทุกๆ 1% จากคาดการณ์ปัจจุบัน กำหนดให้ปัจจัยอื่นคงที่ คือ การบริโภคครัวเรือน 3%, ลงทุนรัฐ 6.5%, ลงทุนเอกชน 3.8% จะกระทบต่อ GDP Growth ลดลงจากเดิมราว 0.13% จึงถือเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้น
 
 
 
 
นอกจากนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ระบุว่า ได้ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ธปท. จะชะลอการแข็งค่าผ่านการเข้าซื้อเงินต่างประเทศ และขายเงินบาทออกมา โดยเงินต่างประเทศที่ซื้อมาจะเก็บเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาครัฐเองมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทเช่นกัน และพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น เช่น สนับสนุนให้นักลงทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น, ผลักดันการนำเข้าเครื่องจักรช่วยในการผลิตมากขึ้น เป็นต้น
 
ดังนั้นต่อจากนี้ คาดว่าจะเห็นมาตรการดูแลค่าเงินบาททั้งจากทางธปท. และกระทรวงการคลัง ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายวิจัย ASPS ได้รวบรวมมาตรการดูแลค่าเงินบาทต่างๆที่คาดว่าจะนำมาใช้ มีดังนี้
 
 
 
 
ประเด็นที่กล่าวถือเป็น Sentiment ต่อค่าเงินบาท อาจมีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะสั้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อ Fund Flow มีแนวโน้มชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น หากไปดูสถิติในอดีตย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ทุกๆช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้น Fund Flow มักจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยทั้งสิ้น หากวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีก พบว่าในอดีตทุกๆครั้งที่บาทอ่อนค่าเกิน 1% กดดัน Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยราว 8.5 พันล้านบาท ดังนั้นหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (Fx Loss) และยังส่งผลให้ Fund Flow มีโอกาสไหลออกดังสถิติในอดีต ทำให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด
 
 
 
 
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในสถานการณ์แบบนี้ จึงเน้น rotate หรือหมุนไปลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยฯมองหุ้นที่น่าสนใจมี 3 ธีม ได้แก่
1.หุ้นได้รับกระแสเชิงบวกจากทางภาครัฐ ที่มีโอกาสเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 อย่าง หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังจากปรับฐานแรงกว่า 51% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แนะนำ CK, STEC และ PYLON รวมถึงหุ้นวัสดุก่อสร้าง แนะนำหุ้น TASCO
 2. หุ้นเสริมพลังจากภัยแล้ง ในปี 2563 ซึ่งไทยมีโอกาสเผชิญภัยแล้งที่หนักสุดในรอบ 40 ปี แต่ยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว แนะนำ EASTW, TTW และ KSL
และ 3. หุ้นปันผลสูง มักเป็นตัวเลือกลำดับต้นในการลงทุน ยามที่มีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกสูง อีกทั้งมักจะ Outperform ตลาดได้ดีในช่วงต้นปีเสมอ แนะนำหุ้น MCS, LH, PSH, PTT รวมถึง CPF ที่ยังได้ประโยชน์ หากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ม.ค. 2563 เวลา : 17:11:07
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:43 pm