กสทช.พร้อมเปิดประมูล 5G จำนวน 4 คลื่น วันที่ 16 ก.พ.นี้ เบื้องต้นมีผู้รับเอกสารแล้ว 5 ราย มั่นใจให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ช่วงมี.ค.63 ประเดิมในสนามบินสุวรรณภูมิ  ส่วนพื้นที่ EEC คาดเริ่มใช้ได้ช่วงกลางปี 

   นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เปิดเผยว่า ตามแผน กสทช.จะจัดประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมด 4 ย่าน คือ ย่านความถี่ 700 MHz ,1800 MHz , 2600 MHz ,และ 26 GHz ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้

   และคาดว่าจะออกใบอนุญาตได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยผู้รับอนุญาตสามารถเริ่มติดตั้งโครงข่ายได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 หลังจากนั้นหากมีผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมวางโครงข่ายในท่าอากาศยาน ก็จะสามารถให้บริการระบบ 5G เชิงพาณิชย์ได้

   สำหรับการทดลองให้บริการระบบ 5G ครั้งนี้ จะเริ่มในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนขยายไปยังท่าอากาศยานแห่งอื่น ซึ่งถือเป็นความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมระหว่างบริการโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมการบินในการเชื่อมต่อกับภูมิภาคต่างๆทั่วโลก

   นายฐากร กล่าวว่า การผลักดันให้บริการระบบ 5G จะช่วยเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ไทยสามารถแข็งขันกับประเทศต่างๆได้ รวมถึงสร้างความพร้อมเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของประเทศสหรัฐ ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น

   ทั้งนี้ หากการประมูล 5G เป็นไปตามแผน คาดว่าในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2563 จะสามารถเปิดให้บริการ 5G ในพื้นที่ EEC ย่านใจกลางเมือง ซึ่งการเปิดให้บริการดังกล่าวจะใกล้เคียงกับการเปิดบริการ 5G ของญี่ปุ่นที่มีกำหนดเปิดบริการในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563

   ส่วนการเปิดรับเอกสารการประมูล 5G ขณะนี้มีผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมสนใจเข้ารับเอกสารแล้วทั้งสิ้น 5 ราย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถรับเอกสารได้จนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นจะเปิดให้ยื่นเข้าร่วมการประมูลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ต่อไป

   นายฐากร กล่าวว่า ส่วนการร่วมลงนามกับ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ว่าด้วยการศึกษาและการให้บริการผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมไร้สายในระบบ 5G นั้น เชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนวัตกรรมต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งท่าอากาศยานถือเป็นประตูด่านแรกของนักเดินทางทั่วโลก

   นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า เชื่อว่า การร่วมมือดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการบินให้สามารถประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินด้วยเทคโนโลยี 5G

   รวมถึงนำไปสู่ระบบนิเวศของสนามบินอัจฉริยะ (Smart Airport Ecosystem) ในอนาคต สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติ และนโยบายของรัฐบาลภายใต้แนวคิดไทยแลนด์ 4.0

   สำหรับ AOT ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้เริ่มโครงการ Digital Airports ซึ่งได้เปิดให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานดาวน์โหลด AOT Airports Application ภายใต้ Concept สนามบินมีชีวิตที่จะทำให้ผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับระบบ IT ได้เมื่อใช้บริการ ที่ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT

   นอกจากนี้ AOT ยังมีแผนต่อยอดขยายไปยังท่าอากาศยานพันธมิตรกว่า 15 แห่งทั่วโลก เพื่อทำให้การเดินทางของผู้โดยสารง่ายขึ้นภายใต้สโลแกน Turn Busy to Easy รวมทั้งสนองนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการร่วมมือกับหน่วยงานภายในเสังกัดกระทรวงคมนาคมก้าวสู่ยุคคมนาคม 4.0 โดยได้เชื่อมต่อข้อมูลตารางการเดินรถไฟฟ้า และเวลาที่รถไฟฟ้าจะมาถึงแต่ละสถานีกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์