สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าดัชนีมีความพยายามประคองตัวไม่หลุดลงไปทำ New low วันต่อวัน ขณะที่จุดสูงสุดใหม่ยังไม่เพิ่มขึ้นแต่ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มยังมีโอกาสดีดกลับได้ในขณะที่ MACD เริ่มหลุดลงไปเล่นต่ำกว่าศูนย์เล็กน้อยอีกครั้งแล้ว หากวันนี้ (27 ม.ค.) ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาทำ New low หรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 1,567 จุดซะก่อน ดัชนีจึงจะพอมีลุ้นดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้ต่อไป โดยมีแนวต้านแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 1572 จุด หากผ่านหรือปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ ดัชนีจึงจะมีลุ้นดีดกลับต่อแถวๆ 1579-1581 จุดต่อไป
ส่วนหุ้นในสัปดาห์นี้ที่น่าจับตามอง ได้แก่ หุ้น COM7 ซึ่งมีแนวรับ 27.50 บาท ขณะที่แนวต้าน อยู่ที่ 28.25-28.75 บาท ซึ่งระดับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ได้แล้ว อีกทั้งยังทำ New high ในรอบ 1 เดือนได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นพร้อมวอลุ่มซื้อขายสูงมาก ในขณะที่ MACD ก็ผ่านขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ ดังนั้นหากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 27.50 บาทอีก ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นต่อแถวๆ 28.25-28.75 บาทต่อไป
พร้อมกันนี้หุ้นที่น่านจับตาอีกตัวกนึ่ง คือ หุ้น SISB โดยมีแนวรับ 9.85-9.80 บาท แนวต้าน 10.00-10.20 บาท โดยระดับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ได้อีกครั้ง และเป็น All time new high อีกด้วย โดยมีวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นพอสมควร ประกอบกับระดับราคาเริ่มขยับออกไปเล่นนอกกรอบBollingerTop เล็กน้อยแล้ว และหากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 9.85-9.80 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 10.00-10.20 บาทต่อไป
และหุ้น SPIV มีแนวรับ 3.00-2.98 บาท แนวต้าน 3.16-3.24 , 3.36 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นต่อเนื่องทำNew high วันต่อวัน แต่ยังไม่ผ่านจุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์ ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายยังคงเดิมและMACD ยังไม่หลุดลงไปต่ำกว่าศูนย์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันแถวๆ 3.00-2.98 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 3.16-3.24 บาทต่อไป
ส่วนภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเวลา 11.10 น วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563 นั้น ราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,561.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,557.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นอีกราว 4.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากเทศกาลตรุษจีน รวมถึงการปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันที่ลิเบีย
ส่วนราคาทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนมาก โดยทำจุดต่ำสุดและสูงสุดไว้ที่ 1,546.39-1,568.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาค่อยๆปรับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ทันทีเมื่อมีการปิดท่าเรือลำเรียงน้ำมันดิบในลิเบีย ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ตลาดมองว่าจะมีอุปสงค์ตามฤดูกาลเข้ามาซื้อทองคำบ้าง นอกจากนี้ทองคำยังได้รับผลบวกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ยังไม่มียารักษาและเริ่มมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าวในหลายแห่งเพิ่มขึ้น ซึ่งทาง WHO ก็ยังไม่ได้ประกาศมาตรการใดๆ เว้นแต่ประเทศจีนที่เริ่มมีการกักบริเวณพื้นที่ที่คาดว่าเป็นต้นกำหนดของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาแล้ว โดยไม่ให้ประชาชนเดินทางออกจากพื้นที่ของอู่ฮั่น เว้นแต่มีความจำเป็นพอ
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงอ่อนค่าราว 0.105 บาทต่อดอลลาร์ เป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องตั้งแต่ปีใหม่ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30.495 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 30.390 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบ 30.305-30.570 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำว่า ตามคำแนะนำไปก่อนหน้าให้ซื้อตามเมื่อราคาปิดเหนือ 1,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง และราคาได้ถึงเป้าหมายทั้ง 1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 1,560 กอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับแล้ว แม้ราคาจะมีการปรับลงจากจุดสูงสุดมาถึง 1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่ยังคงเป็นการยกจุดต่ำสุดของขาขึ้นรอบนี้อยู่ จึงยังสามารถเข้าไปเก็งกำไรซื้อระยะสั้นได้ โดยจุดเข้าซื้ออยู่บริเวณ 1,540-1,545 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเป้าในการขายเก็งกำไรคือ 1,555-1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งได้ถึงเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว แต่ยังสามารถเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบนี้ได้เหมือนเดิม หากหลุดต่ำกว่า 1,535 กอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนทันที หรือหากราคากลับมายืนเหนือ 1,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ให้ซื้อเก็งกำไรตามทันที โดยเป้าระยะสั้นถัดไปอยู่ที่ 1,580 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนระยะยาวยังแนะนำถือทองคำต่อไป เป้าหมายปีนี้อยู่บริเวณ 1,650-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถึงแม้จะไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน เนื่องจากเรามองว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐมีการปรับตัวขึ้นสูงมากแม้สภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่อยู่ในช่วงเติบโตที่ดี ทำให้มีโอกาสที่เงินทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เลวร้ายอื่นๆ
ข่าวเด่น