หุ้นทอง
"ไวรัสโคโรนา"กระทบหนักท่องเที่ยวไทย กลายเป็น High Season ที่ลดลง-ชะลอตัว


การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ขณะนี้ยังคงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดยอดผู้ติดชื้อไวรัสโคโรน่าในจีน พุ่งเป็น 2,744 ราย เสียชีวิต 80 ราย เพิ่มจากเมื่อวานที่เสียชีวิต 56 ราย ในจำนวนผู้ป่วยนี้ อยู่ในขั้นวิกฤต 461 ราย สำหรับในไทย มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 8 ราย, สิงคโปร์ 4 ราย, ออสเตรเลีย 4 ราย, ญี่ปุ่น 3 ราย, เกาหลีใต้ 3 ราย, สหรัฐฯ 3 ราย, มาเลเซีย 3 ราย, ฝรั่งเศส 3 ราย, เวียดนาม 2 ราย และเนปาล 1 ราย  สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ระบาดในขณะนี้ ทำให้รัฐบาลจีนห้ามทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง รวมทั้งมีโอกาสกระทบจิตวิทยาช่วงสั้นต่อนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆด้วย

 
แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2562 ใกล้เคียงเป้าหมายที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ประเมินไว้ที่ 39.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% yoy แต่แนวโน้มนักท่องเที่ยวปี 2563 มีโอกาสชะลอตัวลงจากเป้าหมายของฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ที่ 41 ล้านคน เพิ่ม 3% yoy  ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ส่วนจะกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการควบคุมโรค ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมจากสถานการณ์ล่าสุดที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัสประเมิน เป็นดังนี้
 
 
 
 
จีนมีคำสั่งระงับทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.2563 ถือเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มโรงแรมไทยทันที ทั้งในเชิง Sentiment และ Fundamental เนื่องจากส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของไทย สัดส่วน 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด หรือประมาณ 11 ล้านคน มีแนวโน้มลดลงตลอดระยะเวลาที่มีคำสั่งดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีโอกาสกระทบจิตวิทยาช่วงสั้นต่อนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ให้ชะลอการเดินทางมาไทย โดยสะท้อนจากข้อมูลปี 2546 ที่โรคซาร์สระบาด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยหดตัว 7% yoy จากทุกกลุ่มลูกค้า โดยจีนลดลง 24% yoy และยุโรป ลบ 5%
 
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ประเมินคำสั่งดังกล่าวจะหมดลงก็ต่อเมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ซึ่งหากพิจารณาช่วงที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศควบคุมโรคซาร์สในแต่ละพื้นที่ได้นั้น เกิดขึ้นเมื่อไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายสุดท้าย เป็นระยะเวลาที่มากกว่าระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อ คือ  2-14 วัน หากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ในเบื้องต้นคาดว่าคำสั่งดังกล่าว น่าจะมีอยู่ถึงเดือนมี.ค.2563
 
 
 
 
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส คาดว่า กำไรไตรมาส 1 ปี 2563 ของกลุ่มที่เป็น High Season จะกลับมาลดลง yoy เนื่องจากอัตราเข้าพักของธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มลดลงและจะนำไปสู่การแข่งขันค่าห้องพัก (ARR) ระหว่างโรงแรมด้วยกัน ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ของโรงแรมไทยลดลง
 
 
 
 
หากมาดูรายตัว พบว่า ERW ที่มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมไทยราว 90% ของรายได้รวม ตามด้วย CENTEL ราว 36% ของรายได้รวม (ส่วนที่เหลือเป็นร้านอาหารราว 56% และโรงแรมในมัลดีฟส์ราว 8%) และ MINT ราว 8% ของรายได้รวม (หลักๆ เป็น NH Hotel ในยุโรปประมาณ 56% ของรายได้รวม และโรงแรมต่างประเทศ Ex NH Hotel ราว 11%)
 
ทั้งนี้แนวโน้มรายได้ที่อ่อนตัว นำไปสู่การลดลงของประหยัดจากขนาด เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ (ค่าเสื่อมราคา, ค่าเช่าที่ดิน และผู้บริหารโรงแรม) ส่งผลให้กำไรลดลงในอัตราเร่งกว่ารายได้ ฝ่ายวิจัยฯอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 2563 ในกลุ่มโรงแรม
 
ปัจจัยแวดล้อมที่ยังมีความเสี่ยงดังกล่าว ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส จึงปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงแรม เป็นน้อยกว่าตลาดจากให้เท่ากับตลาด พร้อมหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยว-โรงแรม และรอจังหวะเก็งกำไรอีกครั้ง หลัง WHO สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจะเหมาะสมกว่า

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ม.ค. 2563 เวลา : 08:00:40
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:33 pm