การเริ่มต้นปีหนูทองปี 2563 อาจจะไม่สดใส เนื่องจากต้องเผชิญกับหลากหลายปัจจัยที่เข้ามากดดันเศรษฐกิจ และแน่นอน จนต้องลุกลามมาที่ตลาดหุ้น จากการประเมินของฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส หรือ ASPS ล่าสุด พบว่ามีความเสี่ยงที่กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในตลาด อาจถูกปรับลดประมาณการลง
ปัจจุบัน ASPS คาดการณ์กำไรตลาดปี 2563 ที่ 1.0 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ 95.71 บาท สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากดดันกำไรบจ.คือแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดโต 2.8% yoy มีความเสี่ยงอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เมื่อพิจารณาจากเกือบทุกตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เห็นสัญญาณชะลอลงชัดเจน ได้แก่ การส่งออก ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยังคงอยู่ (ภาษีรอบ 1-3 ยังไม่ยกเลิก) ความเสี่ยงจากสงครามการค้าคู่อื่นๆ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงสหรัฐตัดสิทธิ การเบิกจ่ายและการลงทุนภาครัฐ มีความเสี่ยงจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า จากกรณีลงคะแนนเสียงแทนกันของส.ส. ซึ่งจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้าจากเดิม ที่คาดเบิกจ่ายเดือนก.พ. ล่าสุดอาจเบิกจ่ายได้อย่างเร็วคือเดือน เม.ย-พ.ค.2563 การบริโภคครัวเรือน กระทบจากภัยแล้งที่มากสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง กระทบรายได้เกษตรกร ฉุดกำลังซื้อของกลุ่มฐานราก, การลงทุนเอกชน น่าจะชะลอการลงทุน, การท่องเที่ยว การระบาดของไวรัสโคโรนา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยลดลง กระทบรายได้ท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวมีสัดส่วนใน GDP ไทยราว 20%
เห็นได้ว่าหากงบประมาณเบิกจ่ายปี 2563 ล่าช้า หลักๆก็จะกดดันหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ส่วนเรื่องของไวรัสโคโรนาหากควบคุมได้ช้า จะกดดันหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรมสนามบิน สายการบินเป็นต้น
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯจึงมองว่ามีความเสี่ยงที่กำไรตลาด อาจถูกปรับลดประมาณการลง และกระทบต่อเป้าหมาย SET Index ปีนี้ ขณะที่วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงแรงกว่า 45.4 จุด หรือ 2.9% จนทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 1 เดือน แต่หากย้อนกลับมาดู Valuation ของตลาดในปี 2563 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรบจ.ไว้ที่ 1.0 ล้านล้านบาท เปรียบเทียบกับ Sensitivity บน P/E แต่ละระดับจะได้เป้าหมาย SET Index ปี 2563
ข่าวเด่น